วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ทำงานฟรีแลนซ์กับความเชี่ยวชาญของคุณอย่างไร(ก๊อบเค้ามา)

By Andrea C. Poe

หากคุณเหนื่อยกับการเป็นลูกจ้าง ตอนนี้อาจจะเป็นเวลาที่เหมาะ จะคิดถึงการเป็นฟรีแลนซ์ ด้วยการใช้ความเชี่ยวชาญ ที่คุณพัฒนามาอยากยากเย็น
ความฝันของการเป็นฟรีแลนซ์นั้นเต้นอยู่ในหัวคุณหรือเปล่า? ถ้าหากคุณกำลังพยักหน้าว่าใช่ นี่เป็นเวลาที่ดีในการเริ่มทำมัน เพราะว่าในขณะที่บริษัทต่างๆนั้นต้องรับภาระค่าบุคลากรที่แพงและสวัสดิการที่สูง พวกเค้าจะหันไปขอความช่วยเหลือจากฟรีแลนซ์ ถ้าหากคุณมีความเชี่ยวชาญในสาขาที่ถูก มีความเป็นไปได้สูงที่คุณจะสามารถเปลี่ยนมันเป็นอาชีพฟรีแลนซ์ได้ โดยการใช้ความรู้ ความสามารถของคุณในการช่วยเหลือลูกค้า


ปล่อยให้อิสระเข้ามา
คงไม่มีข้อสงสัยกับหัวข้อนี้ ฟรีแลนซ์นั้นไม่ได้เริ่มต้นด้วยคำว่าฟรีโดยไม่มีความหมาย อิสระนั้นเป็นส่วนสำคัญของการเป็นฟรีแลนซ์ ในการเป็น full-time freelance หรือ ฟรีแลนซ์เต็มเวลานั้น คุณจะทำงานเมื่อคุณอยากทำ คุณสามารถพักร้อนได้ตามที่คุณต้องการ นานเท่าที่คุณต้องการ การพักผ่อนสุดสัปดาห์ก็จะไม่จำกัดอยู่แค่สุดสัปดาห์ และชุดสูทนั้นแทบจะเป็นอดีต ไม่มีเจ้านายมากวนใจคุณ จะไม่มีเพื่อนร่วมงานที่น่ารำคาญอู้งานอยู่ที่คูลเลอร์น้ำ ทำให้คุณบ้า

แต่เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับอิสระเหล่านั้น ก็มีความเสี่ยงและความไม่มั่นคงเข้ามา ไม่มีการันตีว่าคุณจะมีเงินเดือนเดือนหน้า วิธีการที่ดีที่สุดที่จะรับรองอนาคตการเป็นฟรีแลนซ์ของคุณคือ การให้บริการที่คุณรู้ว่ามีคนต้องการ เพียงเพราะว่าคุณอยากจะทำอะไรซักอย่าง ไม่ได้หมายความว่า จะมีตลาดที่พร้อมเพื่อธุรกิจนั้น

“ทำตามหัวใจคุณและทำในสิ่งที่คุณรักนั้นเป็นเพียงสโลแกน คุณต้องมองความจริง” กล่าว เคลลี่ เจมส์-เอ็นเกอร์ ผู้เขียน Six Figure Freelancing “ถ้าคุณไม่ได้ให้บริการสิ่งที่ผู้คนพร้อมที่จะจ่าย คุณจะไม่สามารถอยู่ในธุรกิจ (ระยะยาว) ได้”

ลองดูในหนังสือพิมพ์และอินเตอร์เนต ดูว่ามีใครบ้างทำสิ่งที่คุณอยากจะทำ พวกเค้าคิดราคาเท่าไหร่และลูกค้าเค้าเป็นใคร คุยกับทุกคนจนกว่าคุณจะพบฟรีแลนซ์ในงานที่คุณอยากจะทำ หลังจากนั้นโทรหาพวกเค้าและศึกษาว่าตลาดส่วนไหนกำลังโต และงานส่วนใหญ่เข้ามาจากไหน ข้อมูลนี้จะมีส่วนสำคัญมากในการช่วยคุณหาช่องว่างในตลาดที่คุณจะสามารถเข้าแข่งขันได้

ลองคิดดู: 5 ปีก่อน ผู้ออกแบบเวบไซต์ หรือเวบดีไซน์เนอร์ สามารถทำเงินได้ดีจากการฟรีแลนซ์บริการของพวกเค้า ให้บริษัทต่างๆ แต่ปัจจุบันความต้องการนั้นลดลง เนื่องจากผู้คนในยุคนั้นมีมากเกินความต้องการของตลาด ในขณะเดียวกัน เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กนั้นต้องการจะเรียนรู้วิธีการออกแบบเวบด้วยตนเอง ดังนั้นในปัจจุบัน การสอนออกแบบเวบไซต์นั้นอาจจะน่าสนใจกว่าการลงมือออกแบบเอง


อย่าเพิ่งออกจากงานประจำ
หลังจากที่คุณตัดสินใจแล้วว่าคุณจะทำฟรีแลนซ์ในด้านใด คุณควรจะใช้เวลาซักระยะเพื่อตั้งหลัก “ความคิดที่ผิดของคนส่วนใหญ่นั่นคือ เมื่อพวกเค้าเริ่มทำมัน เงินก็จะเข้ามา” เตือน ลอเรย์ โรซาคิส์ “ไม่จริง เพียงเพราะว่าคุณสร้างมัน ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะมา”

โรซาคิส์เป็นนักเขียนและบรรณาธิการอิสระ และเป็นผู้เขียน “The Complete Idiot’s Guide to Making Money in Freelancing” กล่าวว่า มันอาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือน หรือแม้กระทั่งหลายปี เพื่อสร้างชื่อเสียงและฐานลูกค้า และเพราะสาเหตุนั้น ฟรีแลนซ์หลายคนนั้นมักจะเริ่มทำฟรีแลนซ์ใขณะที่พวกเค้ายังทำงานประจำอยู่

“ทุกคนคิดว่ามันจะเกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่ฉันไม่รู้จักฟรีแลนซ์ซักคนที่สามารถทำเงินหกหลักได้ในทันที” กล่าว เจมส์-เอ็นเกอร์

กฎที่ยอมรับโดยทั่วไปคือ อย่าเพิ่งทิ้งงานประจำของคุณไปจนกว่าคุณจะมีเงินเก็บระหว่าง 6-12 เดือน หากคุณเป็นหลักสำคัญของครอบครัว อย่าเพิ่งทิ้งงานประจำจนกว่าคุณจะมั่นใจว่าคุณมีเงินครอบคลุมค่าใช้จ่ายของคุณ

แน่นอนว่าการทำงานพิเศษขณะยังทำงานให้กับเจ้านายปัจจุบันอยู่ อาจจะยากนิดหน่อย ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นนักเขียนข้อความโฆษณา (advertising copywriter) ที่ต้องการจะทำฟรีแลนซ์ไปด้วย คุณอาจจะต้องบอกเจ้านายของคุณ ซึ่งเค้าอาจจะให้คุณเซ็นข้อตกลงที่จะไม่แข่งขันกับธุรกิจของเค้า (noncomplete agreement) ซึ่งคุณจะต้องการสัญญาว่าจะไม่แย่งหรือ “ยืม” ลูกค้าไป แต่ถ้าหากว่าคุณเป็น copywriter ที่ต้องการจะแปลภาษาญี่ปุ่นไปด้วย เจ้านายของคุณอาจจะไม่ต้องรู้ไว้เลยว่าคุณทำอะไรนอกเวลางาน


การหาลูกค้า
เช่นเดียวกับทุกธุรกิจ อาชีพฟรีแลนซ์ของคุณจะเข้มแข็งเท่ากับจำนวนการขายที่คุณทำได้ การหาลูกค้านั้นเป็นความท้าทายอย่างแรกของการเริ่มเป็นฟรีแลนซ์ คุณจะดึงดูดลูกค้าได้อย่างไรในเมื่อคุณไม่เคยมีลูกค้าเลย? นี่เป็นขั้นตอนที่ใช้ได้จริงในการที่จะช่วยคุณเริ่มต้น

1. สร้าง Portfolio ที่แสดงถึงความสามารถและทักษะของคุณ ถ้าหากนั่นหมายถึงการทำงานที่ได้รับค่าตอบแทนน้อยหรือไม่ได้เลย คุณก็ควรจะทำมัน ตัวอย่างงานของคุณจะเป็นตัวเรียกลูกค้าได้ดี

2. บอกทุกคนที่คุณรู้จักเกี่ยวกับการเป็นฟรีแลนซ์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อน ครอบครัว หรือคนข้างบ้าน ลูกค้าที่ได้รับการแนะนำมาจะเป็นฐานลูกค้าของคุณในระยะเริ่มแรก

3. เข้าร่วมองค์กรมืออาชีพ (professional organization) ในสายงานของคุณ ไม่ว่าจะออนไลน์หรือในชุมชนของคุณ นอกเหนือจากประโยชน์มากมายที่คุณจะได้รับ คุณจะได้รับเคล็ดลับว่าจะหางานได้จากที่ไหน

4. เข้าร่วมองค์กรท้องถิ่น เช่น สมาคมการค้า หรือ ชมรมต่างๆ “ครีทีฟมักจะมองข้ามองค์กรเหล่านี้ และคิดว่าสถานที่เหล่านี้จะเต็มไปด้วยพนักงานธนาคารและนักธุรกิจที่เคร่งขรึม” กล่าว เจมส์-เอ็นเกอร์ “ซึ่งมันอาจจะจริง แต่พวกเค้าจะเป็นคนที่จ้างคุณทำงานครีทีฟของคุณ”

5. ลองเป็นอาสาสมัครทำในสิ่งที่คุณรักในชุมชนของคุณ และคุณจะทำให้เครือข่ายของผู้ที่จะมาเป็นลูกค้า (potential clients) ของคุณกว้างขึ้น

6. โทรไปติดต่อหาลูกค้าใหม่ (cold call)


สิ่งที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือ การเป็นฟรีแลนซ์ไม่ได้หมายถึงการทำแต่ในสิ่งที่คุณรัก และมันก็หมายความว่า คุณต้องรู้วิธีการขาย

และการโฆษณาบริการของคุณ ในระยะเริ่มต้น ประมาณ 90% ของเวลาของคุณนั้น จะถูกใช้ไปในการทำการขาย และการทำการตลาด “งานจะไม่หล่นมาหาคุณเอง” กล่าว เจมส์-เอ็มเกอร์ “คุณอาจจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก แต่มันก็ไม่มีความหมายหากคุณไม่สามารถขายพรสวรรค์นั้นได้”

โรซากิส์เห็นด้วย “คนมากมายมาเป็นฟรีแลนซ์โดยคิดว่า ฉันมีพรสวรรค์ สิ่งที่พวกเค้าจะต้องเข้าใจคือ มีคนมีพรสวรรค์มากมาย สิ่งที่ทำให้การเป็นฟรีแลนซ์ประสบความสำเร็จคือ ความแข็งแกร่งของรายชื่อลูกค้า”

การสร้างฐานลูกค้า (client base) นั้นต้องการความอดทนและไม่ท้อแท้ คิดถึงคำปฏิเสธที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่อย่าให้มันห้ามคุณในการพยายามอีกครั้ง ลองนึกถึงพนักงานขายเสื้อผ้าที่ให้คุณลองกางเกง แต่คุณใส่มันไม่ได้ พนักงานขายที่ดีนั้นจะไม่รู้สึกเสียใจ แต่เค้าจะเอากางเกงตัวใหม่มาให้คุณลอง จนกว่าคุณจะซื้ออะไรบางอย่าง


เริ่มจริงจัง
เมื่อคุณเห็นว่าคุณเริ่มจะทำเงินมากพอที่การเป็นฟรีแลนซ์ของคุณกำลังจะเป็นธุรกิจที่น่าจะประสบความสำเร็จ มันถึงเวลาที่คุณจะต้องทำให้แน่ใจว่า ตัวคุณเองและลูกค้าของคุณจริงจังกับธุรกิจของคุณ นั่นหมายถึงการทำมากกว่าการสั่งซื้อนามบัตรสวยๆ

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสายงานไหน สัญญา (contract) เป็นสิ่งสำคัญฟรีแลนซ์หลายคนมักจะมองข้ามมันไป และให้ลูกค้าทำการจัดทำหรือไม่มีการจัดทำสัญญาเลย นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกนัก และอาจจะกลายเป็นบทเรียนราคาแพงได้

“ปกป้องตัวคุณเอง” ย้ำรัสตี้ ฟิชเชอร์ ผู้เขียน Freedom to Freelance รัสตี้แนะนำให้ดูตัวอย่างสัญญาของฟรีแลนซ์คนอื่นๆ และนำมาปรับใช้ในสัญญาของคุณเอง หลังจากนั้นก็ให้ทนายของคุณตรวจดูว่าสิทธิของคุณนั้นได้รับการปกป้อง

การจัดตั้งระบบบัญชีนั้นก็เป็นความจำเป็นอีกอย่าง มันจะไม่เพียงช่วยเตือนว่าคุณต้องจ่ายอะไรบ้าง แต่การเก็บบันทึกบัญชีที่ดีนั้นจะทำให้การตรวจสอบใดๆนั้นง่ายขึ้น

ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมที่คุณอยู่ การมีเวบไซต์ (website) นั้นอาจจะช่วยคุณทำการตลาดบริการของคุณได้ ถ้าหากคุณมีภาพตัวอย่างในสิ่งที่คุณทำ เช่น การออกแบบภูมิทัศน์ (landscape) หรือเสื้อผ้าเพื่อการละคร เวบไซต์นั้นจะทำหน้าที่เหมือน portfolio ของคุณ และแนะนำงานของคุณให้กับลูกค้าในอนาคต


รู้จักตัวเอง
การตัดสินใจที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งก่อนที่คุณจะเริ่มการเป็นฟรีแลนซ์อย่างจริงจังคือ การตัดสินใจว่าการใช้ชีวิต (lifestyle) แบบนี้เข้ากับลักษณะนิสัยของคุณหรือไม่ คุณควรจะคิดให้ดีก่อนที่คุณจะทำการผูกมัดกับ lifestyle และการทำงาน (workstyle) ที่อาจจะไม่เหมาะกับตัวคุณ

และในขณะที่คุณไม่มีเจ้านาย คุณยังต้องรายงานตัวกับคนๆหนึ่ง นั่นคือตัวคุณเอง นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่การมีวินัยในตัวเอง (self-discipline) คือกุญแจในการนำการฟรีแลนซ์ของคุณจากงานอดิเรก ไปเป็นธุรกิจที่สามารถพัฒนาได้

แม้ว่าการโดดงานไปดูหนังตอนบ่ายๆอาจจะเป็นสิ่งที่น่ายั่วยวน แต่โดนส่วนมากแล้ว สิ่งเหล่านี้จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ต้องทำงานมากชั่วโมงกว่าปกติในหนึ่งสัปดาห์ แต่ตารางงานของคุณอาจจะไม่ยืดหยุ่นได้อย่างที่คุณคิด นั่นก็เพราะว่าลูกค้าส่วนใหญ่ของคุณนั้นทำงานในเวลาปกติ ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น และการที่คุณจะต้องเตรียมพร้อมเพื่อพวกเค้าอยู่เสมอนั้นก็หมายถึงว่าคุณจะต้องทำงานในเวลาปกติ

ชีวิตของการเป็นฟรีแลนซ์นั้นโดดเดี่ยว ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ดูดกินพลังงานจากคนอื่น การเป็นฟรีแลนซ์อาจจะเป็นหนทางที่โดดเดี่ยวเกินไป แต่สำหรับผู้ที่ต้องการมันก็ไม่ต้องหมดหวัง ยังมีทางทดแทนให้กับการขาดการติดต่อประจำวันได้ มีฟรีแลนซ์หลายคนเลือกที่จะเป็นฟรีแลนซ์นอกสถานที่ ซึ่งพวกเค้าจะทำงานร่วมกับผู้อื่นในที่ทำงานของผู้ว่าจ้างเป็นการชั่วคราว บางกลุ่มก็หันไปหากลุ่มเพื่อนร่วมสายงานเพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ

การเติบโตของการเป็นฟรีแลนซ์นั้นต้องใช้เวลา ต้องใช้เวลาในการตั้งตัวคุณเอง และต้องใช้เวลาในการทำเงิน ทั้งหมดนี้สามารถทำให้คุณคลั่งและทำให้คุณไม่ได้นอนได้ แต่ด้วยความสามารถ ความอดทน และโชคอีกนิดหน่อย การเป็นฟรีแลนซ์จะเป็นหนึ่งในวิธีการทำงานที่มีผลตอบแทนที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง


ตัวเลือกการเป็นฟรีแลนซ์
ข้างล่างนี้เป็นงานฟรีแลนซ์ที่พบเห็นมากที่สุด

• นักบัญชี
• เซฟทำอาหาร
• คนเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
• คนจัดงาน event ของบริษัท
• คนใส่ข้อมูล
• วิศวกร
• คนทำอนิเมชั่นในหนัง
• นักวางแผนการเงิน
• นักจัดดอกไม้
• คนซ่อมเฟอร์นิเจอร์
• กราฟฟิคดีไซเนอร์
• หมอนวดรักษา
• ช่างถ่ายรูป
• นักสืบส่วนตัว
• ที่ปรึกษาด้านการขาย/การตลาด
• พนักงานขายทางโทรศัพท์
• นักแปล
• ครูสอนพิเศษ
• นักออกแบบเวบไซต์
• นักเขียน


Source by : http://www.entrepreneur.com/startingabusiness/businessideas/article79088.html
ขอขอบคุณข้อมูลการแปลโดย www.the-business-kit.com

ข้อแนะนำในการจ้างงาน และรับงาน

1. การตกลงทำงานทุกครั้งควรมีการ "นัดเจอตัว" และ "ต้องทำหนังสือสัญญา" ทุกครั้ง ต้องขอสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เพื่อสามารถแจ้งความได้หากถูกโกง ดาวน์โหลดหนังสือสัญญา

2. หากอีกฝ่ายบ่ายเบี่ยงไม่ทำหนังสือสัญญา ให้พึงระลึกว่าอาจจะถูกโกงได้

3. ไม่ควรส่งงานทั้งหมด หรืองานส่วนสำคัญไปให้กับผู้ว่าจ้างก่อนที่จะได้รับเงิน หรือไม่ควรโอนเงินค่าจ้างไปให้กับผู้รับทำงานทั้งหมด ก่อนที่จะมีการรับส่งงานทั้งหมด หรือบางส่วน (ตามที่ระบุไว้ในหนังสือสัญญา)

4. การติดต่อกันด้วย อีเมล์ หรือ โทรศัพท์ เพียงอย่างเดียว และ ไม่ทำหนังสือสัญญา เสี่ยงที่อาจจะถูกโกงมากที่สุด

5. หากคาดว่าจะถูกโกง กรุณาอีเมล์แจ้งมาที่ info@thaifreelancebid.com ทางทีมงานจะนำข้อความของท่านแจ้งไปยังผู้ถูกกล่าวหา และหากผู้ถูกกล่าวหาไม่ส่งอีเมล์ชี้แจงภายใน 3 วัน ทาง ThaiFreelanceBid จะเพิ่มชื่อของคนๆนั้นลงใน ระบบเฝ้าระวังของทางเวบไซต์ และยกเลิกการใช้งานจนกว่าผู้ถูกกล่าวหาจะอธิบายกับทางคู่กรณีแล้วเท่านั้น