วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ : Albert Einstein

เกิด วันที่ 14 มีนาคม ค.ศ.1879 ที่เมืองอูล์ม (Ulm) ประเทศเยอรมนี
เสียชีวิต วันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ.1955 ที่เมืองนิวเจอร์ซี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ผลงาน
- ค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพ (Theory of Relativity)
- ค้นพบทฤษฎีการแผ่รังสี (Photoelectric Effect Theory)
- ได้รับรางวัลโนเบล สาขาฟิสิกส์ ในปี ค.ศ.1921

ในบรรดานักวิทยาศาสตร์ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 ไอน์สไตน์ถือว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และอาจกล่าวได้ว่า เขาคือผู้ยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยระเบิดปรมาณูอันทรงอานุภาพแห่งการทำลายล้าง เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้น ไอน์สไตน์ ได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่งถึงประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี. รูสเวลท์ (Franklin Delano Roosevelt) เกี่ยวกับคุณประโยชน์ของ แร่ยูเรเนียมที่สามารถนำมาสร้างลูกระเบิดพลังงานการทำลายสร้างรุนแรง เพื่อบังคับให้ญี่ปุ่นประกาศแพ้สงคราม และนำสันติภาพ มาสู่โลกอีกครั้งหนึ่ง ฝ่ายสัมพันธมิตรจึงตกลงทิ้งระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกลงที่เมืองฮิโรชิมา (Hiroshima) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลให้คนเสียชีวิตทันทีกว่า 60,000 คน และเสียชีวิตภายหลังอีกกว่า 100,000 คน

ไอน์สไตน์เกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ.1879 ที่เมืองอูล์ม ประเทศเยอรมนี ไอน์สไตน์เป็นชาวเยอรมันแต่ก็มีเชื้อสายยิวด้วย บิดาของไอน์สไตน์เป็นเจ้าของร้านจำหน่ายเครื่องยนต์และสารเคมี ชื่อว่า เฮอร์แมน ไอน์สไตน์ (Herman Einstein) ต่อมาเมื่อ ไอน์สไตน์อายุได้ 1 ขวบ บิดาได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองมิวนิค ซึ่งคนส่วนใหญ่ในเมืองเป็นชาวยิวเช่นเดียวกับเขา ทำให้เขาไม่มีปัญหากับ เพื่อนบ้าน ไอน์สไตน์เป็นเด็กที่เงียบขรึม และมักไม่ค่อยชอบออกไปเล่นกับเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกัน จนบิดาเข้าใจว่าเขาเป็นคนโง่ จึงได้จ้างครูมาสอนพิเศษให้กับไอน์สไตน์ที่บ้าน โดยเฉพาะเรื่องการพูด ถึงแม้ว่าการพูดของเขาจะดีขึ้น แต่เขาก็ยังเงียบขรึม และ ไม่ออกไปเล่นกับเพื่อนเหมือนเช่นเคย เมื่อไอน์สไตน์อายุได้ 5 ขวบ บิดาได้ส่งเข้าโรงเรียนที่ยิมเนเซียม (Gymnasium) นักเรียน ในโรงเรียนแห่งนี้ทั้งหมดเป็นชาวเยอรมัน และนับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก ถึงอย่างนั้นไอน์สไตน์ก็เข้ากับเพื่อนได้ดี แต่สิ่งที่เขาไม่ชอบมากที่สุดในโรงเรียนก็คือการสอนที่น่าเบื่อหน่าย ที่ใช้วิธีการท่องจำเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นวิธีการที่เขาเกลียดที่สุด ทำให้ไอน์สไตน์ไม่อยากไปโรงเรียน มารดาจึงหาวิธีแก้ปัญหาให้ไอน์สไตน์ โดยการให้เขาเรียนไวโอลินและเปียโนแทน แต่วิชาที่ ไอน์สไตน์ให้ความสนใจมากที่สุดคือ คณิตศาสตร์ โดยเฉพาะวิชาเรขาคณิตเป็นวิชาที่เขาชอบมากที่สุด ทำให้เขาละทิ้งวิชาอื่น ยกเว้นวิชาดนตรี และเรียนวิชาอื่นได้แย่มาก แม้ว่าจะทำคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ได้ดีมาก เขาก็มักจะถูกครูตำหนิอยู่เสมอ

ต่อมาไอน์สไตน์อายุ 15 ปี กิจการโรงงานของพ่อเขาแย่ลง เนื่องจากการรวมตัวของบริษัทผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าและเคมีหลายแห่ง ทำให้โรงงานของพ่อเขาไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้ ครอบครัวของเขาต้องย้ายไปอยู่ที่เมืองมิลาน (Milan) ประเทศอิตาลี (Italy) แต่ไอน์สไตน์ไม่ได้ย้ายตามไปด้วย เพราะยังติดเรียนอยู่ แต่ด้วยความที่เขาคิดถึงครอบครัวมาก หลังจากนั้นอีก 6 เดือน เขาได้วางแผน ให้แพทย์ออกใบรับรองว่าเขาป่วยเป็นโรคประสาท เพื่อให้เขาได้เดินทางไปหาพ่อกับแม่ที่อิตาลี เมื่อเป็นเช่นนั้นไอน์สไตน์จึงเดินทาง ไปหาครอบครัวที่มิลาน แต่ก่อนที่เขาจะออกเดินทางเขาได้ขอใบรับรองทางการศึกษา เพื่อสะดวกในการเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนอื่น

ต่อมาไอน์สไตน์ได้สอบเข้าเรียนต่อวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ ที่วิทยาลัยโปลีเทคนิค เมืองซูริค (Federal Poleytechnic of Zurich) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไอน์สไตน์สอบวิชาคณิตศาสตร์ได้คะแนนดีมาก ส่วนวิชาชีววิทยาและภาษา ได้แย่มาก ทำให้ เขาไม่ได้รับคัดเลือกให้เข้าเรียนในวิทยาลัยแห่งนี้ ต่อมาอีก 1 สัปดาห์ เขาได้รับจดหมายจากครูใหญ่วิทยาลัยโปลีเทคนิค ได้เชิญเขา ไปพบและแนะนำให้เขาไปเรียนต่อ เพื่อให้ได้ประการศนียบัตร ซึ่งสามารถเข้าเรียนต่อวิทยาลัยโปลีเทคนิคได้โดยไม่ต้องสอบ หลัง จากนั้นเขาจึงเข้าเรียนที่วิทยาลัยของสวิตเซอร์แลนด์ ตามหลักสูตร 1 ปี ระหว่างนี้เขาได้พักอาศัยอยู่กับครูผู้หนึ่งที่สอนอยู่ในโรงเรียน แห่งนี้ ไอน์สโตน์รู้สึกชอบวิทยาลัยแห่งนี้มาก เพราะการเรียนการสอนเป็นอิสระไม่บังคับ และไม่จำกัดมากจนเกินไป แนวการสอน เป็นการกระตุ้นให้นักเรียนได้เรียนรู้ตามความสามารถของตน นอกจากนี้สภาพแวดล้อมในการเรียนยังดีมากดีด้วย เพราะได้มีการจัด ห้องเรียนเฉพาะสำหรับแต่ละวิชา เช่น ห้องเรียนภูมิศาสตร์ก็มีภาพแผนที่ สถานที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แขวนไว้ โดยรอบห้อง ส่วนห้องเคมีก็มีอุปกรณ์ในการทดลองวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย นอกจากนี้โรงเรียนแห่งนี้ยังมีนักเรียนจำนวนมาก ทำให้ ไอน์สไตน์ไม่รู้สึกว่ามีปมด้อยที่เป็นชาวยิวอีกต่อไป หลังจากที่เขาจบหลักสูตรที่โรงเรียนมัธยม 1 ปี ไอน์สไตน์ได้เข้าเรียนต่อที่วิทยาลัย เทคนิคในสาขาวิชาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ตามที่ได้ตั้งใจไว้

Einstein กล่าวไว้ว่า
"ในโลกนี้ไม่มีคำว่าปาฏิหาร์ย มีเพียงแต่คำว่าเหตุและผลเท่านั้น เพราะทุกสิ่งย่อมเกิดขึ้นมาจากเหตุและผลเสมอ"

คัดลอกมาจาก
http://www.most.go.th/einstein/story1.asp

เพิ่มเติม
http://physics.science.cmu.ac.th/staff/sodchuen/quote2.html
http://en.wikipedia.org/wiki/Albert_Einstein
http://www.mlahanas.de/Privat/quotations.htm





วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

Table ใน 1 Database ใน MSSQL Server

Q. เราสามารถสร้าง Table ได้สูงสุดถึงกี่ Table ใน 1 Database ใน MSSQL Server



A. ถูกจำกัดด้วยจำนวน object ทั้งหมดที่จะมีได้ใน database ครับ
เมื่อไรก็ตามที่เกิน ก็สร้างต่อไม่ได้แล้วว



Columns per index 16

Columns per foreign key 16

Columns per primary key 16

Columns per base table,024

Columns per SELECT statement 4,096

Columns per INSERT statement 1,024




Database size 1,048,516 TB3

Databases per instance of SQL Server 32,767

Filegroups per database 256

Files per database 32,767

File size (data) 32 TB

File size (log) 32 TB

Foreign key table references per table 253

Identifier length (in characters) 128

Nested stored procedure levels 32

Nested subqueries 32

Nested trigger levels 32

Nonclustered indexes per table 249

Tables per SELECT statement 256

Triggers per table Limited by number of objects in a database4

UNIQUE indexes or constraints per table 249 nonclustered and 1 clustered

scenery resort ณ สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=chomthailand&id=691
แหล่ม ลิงเลย ๆ

วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

10 ภาษาโปรแกรมที่ควรเรียนรู้ในการทำงาน

eWeek ทำการสำรวจตามบริษัทจัดหางานต่างๆ เพื่อสรุปเกี่ยวกับภาษา 10 ภาษาที่ถ้าเรียนรู้จนเป็นแล้วจะทำให้หางานได้ง่ายขึ้น, Resume น่าเป็นที่สนใจขึ้นมาดังนี้(ไม่เรียงตามลำดับ)ครับ

  • PHP : จำนวนตำแหน่งที่ต้องการประมาณ 1,152 ตำแหน่ง
  • C# : จำนวนตำแหน่งที่ต้องการประมาณ 5,111 ตำแหน่ง
  • AJAX : จำนวนตำแหน่งที่ต้องการประมาณ 1,106 ตำแหน่ง
  • JavaScript : จำนวนตำแหน่งที่ต้องการประมาณ 4,406 ตำแหน่ง
  • Perl : จำนวนตำแหน่งที่ต้องการประมาณ 4,810 ตำแหน่ง
  • C : จำนวนตำแหน่งที่ต้องการประมาณ 6,164 ตำแหน่ง
  • Ruby กับ Ruby on Rails : จำนวนตำแหน่งที่ต้องการประมาณ 210 ตำแหน่ง
  • Java : จำนวนตำแหน่งที่ต้องการประมาณ 14,408 ตำแหน่ง
  • Python : จำนวนตำแหน่งที่ต้องการประมาณ 811 ตำแหน่ง
  • VB.Net : จำนวนตำแหน่งที่ต้องการประมาณ 2,090 ตำแหน่ง

ทาง eWeek ยังกล่าวด้วยว่า การเรียนรู้ภาษา/เทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นสิ่งที่โปรแกรมเมอร์ต้องทำอยู่แล้วและเลือกใช้ให้ถูกที่ถูกเวลาเท่า นั้นเอง จำนวนตำแหน่งที่ต้องการนำมาจาก Dice.com ครับ

คิดว่าถ้าจัดอันดับในเมืองไทย PHP, VB.NET, Java กินเรียบ!

ที่มา - OSNews

PHP และ Java โค้ดในการเรียกใช้เว็บเซอร์วิสของ ปตท เพื่อดูรา้คาน้ำมัน

ข้อดีของเว็บเซอร์วิสคือสามารถทำให้โปรแกรมต่างภาษา ต่างแพลตฟอร์ม ติดต่อทำงานร่วมกันได้ เว็บเซอร์วิสหนึ่งที่พัฒนาโดยคนไทยคือเว็บเซอร์วิสของ ปตท ซึ่งอยู่ที่ http://www.pttplc.com/pttinfo.asmx โดยที่มีเอกสารที่อธิบายเว็บเซอร์วิส (WSDL) อยู่ที่ http://www.pttplc.com/pttinfo.asmx?WSDL

ี่เว็บเซอร์วิสของ ปตท พัฒนาโดยใช้ Microsoft .NET แต่ เราสามารถที่จะเขียนโปรแกรมทั้งในภาษา Java และ ภาษา PHP เพื่อดูราคาน้ำมันในปัจจุบันได้

// file call_pttws1.php

include("../nusoap/nusoap.php");
$wsdl = "http://www.pttplc.com/pttinfo.asmx?WSDL";
//initial soap action
$soapaction = "http://www.pttplc.com/ptt_webservice/CurrentOilPrice";
$lang ='EN';;
//$proxyhost = "172.16.31.13";
//$proxyport = "80";
$client = new soapclient($wsdl,true);
//, $proxyhost, $proxyport);
$document = '';
$document .= ' '.$lang.'';
$document .='';
//create soap message
$mysoapmsg = $client->serializeEnvelope($document,'',array(),'document', 'literal');
//send soap message to soap server
$response = $client->send($mysoapmsg, $soapaction);
print_r($response);
?>

ผลรันที่ได้

php_pttws

// file CurrentOilPrice รันโดยใช้ NetBeans 5.5 และ Library JAX-WS 2.0

package callsoapws;
import javax.xml.transform.TransformerFactory;
import javax.xml.transform.Transformer;
import javax.xml.transform.stream.StreamResult;
import javax.xml.transform.Source;
import javax.xml.soap.MessageFactory;
import javax.xml.soap.SOAPConnection;
import javax.xml.soap.SOAPConnectionFactory;
import javax.xml.soap.SOAPMessage;
import javax.xml.soap.SOAPBody;
import javax.xml.soap.SOAPBodyElement;
import javax.xml.soap.SOAPFactory;
import javax.xml.soap.SOAPElement;
import javax.xml.soap.MimeHeaders;

/**
* @author Kanda Runapongsa
*
* TODO To change the template for this generated type comment go to Window -
* Preferences - Java - Code Style - Code Templates
*/
public class CurrentOilPrice {
public void msgEnvelope(String[] args) throws Exception {
MessageFactory messageFactory = MessageFactory.newInstance();

// Create a message
SOAPMessage message = messageFactory.createMessage();

// Get the SOAP header and body from the message
// and remove the header
//SOAPHeader header = message.getSOAPHeader();
SOAPBody body = message.getSOAPBody();
// header.detachNode();

// Create a SOAP factory
SOAPFactory soapFactory = SOAPFactory.newInstance();
SOAPBodyElement operationElem = body.addBodyElement(soapFactory
.createName("CurrentOilPrice", "ns",
"http://www.pttplc.com/ptt_webservice/"));

SOAPElement language = operationElem.addChildElement(soapFactory
.createName("Language", "ns",
"http://www.pttplc.com/ptt_webservice/"));
language.addTextNode("EN");

MimeHeaders hd = message.getMimeHeaders();
hd.addHeader("SOAPAction",
"http://www.pttplc.com/ptt_webservice/CurrentOilPrice");

message.saveChanges();
System.out.println("REQUEST:");
//Display Request Message
displayMessage(message);

System.out.println("\n\n");

SOAPConnection conn = SOAPConnectionFactory.newInstance()
.createConnection();
SOAPMessage response = conn.call(message,
"http://www.pttplc.com/pttinfo.asmx");

System.out.println("RESPONSE:");
//Display Response Message
displayMessage(response);
}

public void displayMessage(SOAPMessage message) throws Exception {
TransformerFactory tFact = TransformerFactory.newInstance();
Transformer transformer = tFact.newTransformer();
Source src = message.getSOAPPart().getContent();
StreamResult result = new StreamResult(System.out);
transformer.transform(src, result);
}

public static void main(String[] args) throws Exception {
CurrentOilPrice clientApp = new CurrentOilPrice();
clientApp.msgEnvelope(args);
}
}

ผลรันที่ได้

อ่าน RSS ด้วย PHP แบบง่ายๆ สุด

อ่าน RSS ด้วย PHP แบบง่ายๆ สุด



RSS หรือพวก News Feed เนี่ย จะมี Pattern เป็นโครงสร้างแบบ XML ที่กําหนดเอาไว้แล้ว ซึ่งถ้าเราเขียน PHP หรือ JavaScript ได้ก็สามารถที่จะดึงมันเข้ามาอ่านแล



RSS หรือพวก News Feed เนี่ย จะมี Pattern เป็นโครงสร้างแบบ XML ที่กําหนดเอาไว้แล้ว ซึ่งถ้าเราเขียน PHP หรือ JavaScript ได้ก็สามารถที่จะดึงมันเข้ามาอ่านและถอดแท็ก XML ออกมาได้


เรา คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องของรูปแบบ RSS กัน แต่เราจะมาดูกันว่า การใช้ PHP ถอดแท็ก XML นั้น เราจะเรียกฟังก์ชั่นของ PHP ตัวหนึ่งที่ชื่อ xml_parse ดังตัวอย่าง


$fp=fopen("http://www.xyz.com/rss.xml","r");


while($data=fread($fp,4096))


{


xml_parse( $p, $data, feof($fp));


}


จากตัวอย่าง นี่ไงครับ เป็นการอ่านค่าเข้ามาจากเว็บ xyz.com/rss.xml คราวนี้ เมื่อเราอ่านเข้ามาด้วย PHP ได้แล้ว เราก็จะต้องถอดแท็ก โดยกําหนดฟังก์ชั่นที่ใช้ตอบรับเมื่อเจอแท็กต่างๆ เมื่อถอดมาแล้วเราก็จะเอามันเก็บไว้ในอาเรย์ ตรงนี้ก็เหมือนกับการเอาข้อมูล RSS ที่อ่านเข้ามา มาเก็บไว้ใน memory ชั่วคราว จากนั้นก็แสดงมันออกมาทีเดียวเลย ดังนี้


<?


$arr=array();


$count=0;


$block= "ITEM";


$key="";


$value="";


function startxml( $parser , $name, $att)


{


global $key;


$key=$name;


}


function endxml( $parser, $name )


{


global $count;


global $block;


if ($name==$block)


{


$count=$count+1;


}


}


function cdata( $parser, $data )


{


global $key;


global $value;


global $count;


global $arr;


if (strlen($data) >1)


{


$value=$data;


$arr[$count][ "$key"]=$value;


}


}


$p=xml_parser_create();


xml_set_element_handler( $p , "startxml" , "endxml");


xml_set_character_data_handler($p, "cdata" );


$fp=fopen( "http://www.xyz.com/com_rss.xml","r");


while($data=fread($fp,4096))


{


xml_parse( $p, $data, feof($fp));


}


print("<font size=2></b>");


for ($i=1;$i<5;$i++)


{


echo "<img src=arrow.gif> <a href=", $arr[$i]["LINK"],">";


echo $arr[$i][ "TITLE"];


echo "</a>";


echo "<br>";


}

?>


เอาล่ะครับ เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น ให้ท่านลองรันโปรแกรมต่อไปนี้ดูนะครับ


Manager.php


<?


$arr=array();


$count=0;


$block= "ITEM";


$key="";


$value="";


function startxml( $parser , $name, $att)


{


global $key;


$key=$name;


}


function endxml( $parser, $name )


{


global $count;


global $block;


if ($name==$block)


{


$count=$count+1;


}


}


function cdata( $parser, $data )


{


global $key;


global $value;


global $count;


global $arr;


if (strlen($data) >1)


{


$value=$data;


$arr[$count][ "$key"]=$value;


}


}


function openxml( $url )


{


$p=xml_parser_create();


xml_set_element_handler( $p , "startxml" , "endxml");


xml_set_character_data_handler($p, "cdata" );


$fp=fopen( $url , "r");


while($data=fread($fp,4096))


{


xml_parse( $p, $data, feof($fp));


}


xml_parser_free($p);


}


?>


<h3>Travel<h3>

<?


openxml( "http://www.manager.co.th/RSS/Around/Around.xml" );


print( "<font size=2></b>");


for ($i=1;$i <$count ;$i++)


{


echo "<a target=_blank href=", $arr[$i]["LINK"],">";


echo $arr[$i][ "TITLE"];


echo "</a>";


echo "<br><br>";


}


?>


ผลการรันจะเป็นดังรูปในข้างต้น

เทคนิคการ Block ไม่ให้ใครมาดูดเว็บเรา

โอ้... จั่วหัวแบบนี้ เป็นเทคนิคหนึ่งครับที่จะช่วยกันไม่ให้ใครมาใช้โปรแกรมพวก Offline Browser มาดูดเว็บเราได้ แต่ที่นี่ไม่ได้ใช้ เพราะว่า Unlimited Data Transfer แล้ว (อย่าเอ็ดไป) ปล่อย Download กระจายได้เลย

เว็บ ที่ท่านใช้ ถ้าไฟล์ที่ใช้เป็น PHP เราก็สามารถที่จะเขียนโค้ดดักเอาไว้ที่ต้นไฟล์ได้ง่ายๆ โดยใช้การเข้าถึงตัวแปร Environment Variable ของ Web Server ที่จะ return ข้อมูลกลับมาให้ ซึ่งจะใช้ชื่อตัวแปรว่า

$HTTP_USER_AGENT

การเขียนโค้ดก็คือ เขียนในไฟล์ .php ให้มันตรวจสอบตัวแปรนี้ว่าเป็นอะไร ถ้าไม่ใช่ Browser ทั่วๆ ไป เช่น IE, Netscape ซึ่งมันจึงต้องขึ้นมาว่า

Mozilla/4.0 (compatible; MSIE 6.0; Windows NT 5.1; SV1; .NET CLR 1.1.4322)

นี่แสดงว่าใช้พวก Browser ตระกูลนี้ Compatible กัน แต่ถ้าเกิดใช้พวก Teleport Pro มันก็จะขึ้นว่า Teleport Pro เลย... ดังนั้น ทดสอบง่ายๆ ให้ท่านลองสร้างไฟล์ a.php ดังนี้เอาไว้

a.php

";
if (ereg("$Teleport Pro",$HTTP_USER_AGENT))
{
print("Plese do not use Offline Browser!!");
exit();
}
?>

This is content

จากนั้นให้ Upload ไปไว้ใน Web Server แล้วเอา IE เปิด มันจะขึ้นมาแบบนี้

แต่ถ้าหากใช้ Teleport Pro เปิดเว็บนี้เพื่อดูดเข้ามา มันก็จะ Save เป็นไฟล์ .html ในชื่อ index.html ตัว Teleport Pro มันก็เป็น HTTP Client ตัวนึงที่จะส่งคําสั่ง GET มาเพื่อขอไฟล์ และขอรูป มันจะเริ่มต้นขอไฟล์แรก จากนั้นมันก็จะแตก Link จากไฟล์แรกไปยังไฟล์รูปและ HTML อื่นๆ ที่อยู่ในเว็บ ขยายออกไป แผ่กิ่งก้านออกไปจนครบทุกๆไฟล์ ครบทั้งเว็บ เพราะมันตาม Link นั่นเอง ดังนั้น ถ้าเราดักทุกๆ ไฟล์ได้ โดยใส่ code ดักเอาไว้ ก็น่าจะมีโอกาสที่จะปิดได้เหมือนกันเนอะ แต่อันนี้ก็เพียงแค่ทดสอบไฟล์แรกไฟล์เดียว ถ้าไฟล์ index ของโฮมเพจมีการ block เอาไว้ก็สบายล่ะ

ดูตัวอย่างรูปนี้ เป็นการใช้ Teleport Pro เปิดไฟล์ a.php มันจะได้ไฟล์ index.html มาก็จริง

แต่เวลาเปิดขึ้นมาดูสิครับ

เสร็จเลยงานนี้ แสดงว่ามีการ block เอาไว้ และก็ไปต่อไม่ได้ด้วย เพราะเนื้อหาไม่ปรากฏออกมาให้

จากการทดลองนี้ เราก็ลองเอาเงื่อนไขนี้ไปสร้างเป็นไฟล์ .php และ require เอาไว้ที่หัวไฟล์ทุกๆ ไฟล์ PHP ในเว็บก็ได้ อันนี้ก็เป็นการประยุกต์อีกนิดนึงสําหรับการใช้ PHP ครับ

เอามาจาก http://www.thaidev.com

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

วัฏจักรแห่งแบรนด์

The Life Cycle of Brand หรือวัฏจักรแห่งแบรนด์ พูดกันง่ายๆ ก็คือ ในช่วงอายุของแบรนด์ มีทั้งการเกิด การแก่ การเจ็บ และการตาย ทั้งนี้แต่ละช่วงอายุของแต่ละแบรนด์ มีระยะเวลาที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภท วัตถุประสงค์ และการวางกลยุทธ์ของแบรนด์นั้นๆ

โดยทั่วไปแล้วการกำเนิดของแบรนด์ เริ่มต้นจากการรู้จักและเข้าใจถึงแก่นแท้ในความเป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ควบคู่ไปกับการศึกษาและเข้าใจในผู้บริโภคที่กำหนดให้เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก แล้วจึงหา จุดเด่นของแบรนด์ที่แตกต่างจากคู่แข่งในท้องตลาดแต่มีความสอดคล้องต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก เพื่อนำมากำหนดจุดยืนที่ชัดเจน และก็พร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ช่วงของการเจริญเติบโตเมื่อมีการสื่อสารและเชื่อมสัมพันธ์กับผู้บริโภคด้วยกระบวนการที่ถูกต้อง

ในช่วงแรกของการกำเนิดแบรนด์ใหม่ๆ นั้น การสื่อสารมักเป็นไปในรูปแบบของการแนะนำตัว หรือการบอกให้ผู้บริโภครู้จักว่า แบรนด์ (Brand) หรือ Product Brand เป็นอะไร หรือมีอะไรเป็นพิเศษ (What it is or what it has) ในรูปแบบที่จับต้องได้ไม่ว่าจะเป็นในรูปผลิตภัณฑ์หรือการบริการที่พิเศษเฉพาะตัว

ยกตัวอย่างเช่น ไนกี้ ถ้าใครศึกษาแบรนด์ไนกี้มาตั้งแต่ต้น คือตั้งแต่ช่วงการเกิดแบรนด์จะพบว่า ไนกี้ ไม่ได้เริ่มต้นการสื่อสารกับผู้บริโภคด้วยการบอกถึงความเป็นเลือดนักสู้ แต่สิ่งที่ไนกี้สื่อถึงผู้บริโภคเป็นอย่างแรกคือการแนะนำตัวว่าเป็นรองเท้ากีฬาคุณภาพเยี่ยม และมีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยสวยงาม......ความจำเป็นที่แบรนด์ต้องเริ่มต้นการสื่อสารกับผู้บริโภคด้วยการแนะนำตัวในสิ่งที่จับต้องได้นั้น เป็นผลมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคโดยส่วนใหญ่ที่มีขั้นตอนการรับรู้ข้อมูลจากสิ่งที่จับต้องได้ไปสู่สิ่งที่จับต้องไม่ได้ จากผลิตภัณฑ์สู่ภาพลักษณ์ หรือจากความหมายไปสู่บทสรุป ผู้บริโภคจะไม่คิดถึงความเป็นเลือดนักสู้ของไนกี้ ก่อนที่จะรับรู้ถึงความเป็นรองเท้ากีฬาคุณภาพดี
และเมื่อผ่านพ้นช่วงแรกของวัฏจักรไปแล้ว คือผู้บริโภครับรู้แล้วว่าแบรนด์มีอะไรที่จะนำเสนอ ก็มาถึงช่วงที่สองคือช่วงที่แบรนด์สื่อสารกับผู้บริโภคในด้านผลประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับจากแบรนด์ (What it does) ซึ่งผลประโยชน์นั้นเป็นได้ทั้งในรูปของผลประโยชน์ทางกาย ผลประโยชน์ทางใจ และประสบการณ์ที่ผู้บริโภคสามารถได้รับจากแบรนด์ขอยกตัวอย่างจากสองแบรนด์เดิมข้างต้นเพื่อให้เห็นถึงวิวัฒนาการของแบรนด์อย่างชัดเจน ในกรณีของไนกี้นั้นในช่วงที่สอง สิ่งที่ไนกี้สื่อสารกับผู้บริโภค คือการบอกให้ผู้บริโภครับรู้ว่ารองเท้ากีฬาของไนกี้ ใส่แล้วดียังไง สมมติว่าใส่รองเท้ากีฬาไนกี้แล้วช่วยให้กระโดดสูงขึ้นเพราะมีการออกแบบที่มีคุณภาพ คือต่อยอดจากการสื่อสารในช่วงแรกถึงความเป็นรองเท้ากีฬาที่มีคุณภาพให้ผู้บริโภคเห็นถึงผลประโยชน์ (Benefit) ที่จะได้รับจากจุดนี้อย่างชัดเจน
ช่วงที่สาม เป็นช่วงที่แบรนด์อยู่มาระยะเวลาหนึ่ง คือเมื่อได้ยินชื่อแล้วผู้บริโภครู้จักและคุ้นเคย และรู้ว่าแบรนด์มีประโยชน์กับตนอย่างไร ดังนั้นในช่วงนี้แบรนด์จะสื่อสารกับผู้บริโภคในแง่ของสิ่งที่จับต้องได้น้อยลง แต่จะให้ความสำคัญกับสิ่งที่จับต้องไม่ได้เพิ่มขึ้น โดยแบรนด์จะพูดกับผู้บริโภคในแง่ของความเป็นตัวตน คุณค่า หรือความหมายที่มีต่อผู้บริโภค (What it means) แบรนด์จะชัดเจนมากขึ้นในการแสดงจุดยืนของตัวเองต่อผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคกลุ่มนี้เหมือนลัทธิ เช่น การที่ไนกี้แสดงความเป็นเลือดนักสู้ของตัวเองออกมาอย่างชัดเจน (Just do It) สิ่งนี้สื่อสารตรงเข้าไปถึงความรู้สึกของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้เกิดความรู้สึกว่าไนกี้เป็นแบรนด์ของตน ทำมาเพื่อตน และทำให้เกิดความภักดีต่อ Brand ในที่สุด

แต่เป็นที่น่าสังเกตเหมือนกันว่าสินค้าของแบรนด์บางประเภทมีวัฏจักรที่แตกต่างจากแนวคิดนี้ คือบางแบรนด์ก็เจริญเติบโตจากการวางตำแหน่งจากสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่เชื่อมสัมพันธ์กับผู้บริโภคผ่านความหมายและคุณค่า โดยให้สิ่งที่จับต้องได้เป็นตัวสนับสนุน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่ากำลังแข่งขันกันอยู่ในหมวดของสินค้าประเภทไหน ยกตัวอย่างเช่น เครื่องดื่มบำรุงกำลัง M Max ที่กล่าวถึงความเชื่อของแบรนด์ ว่าคนเรามีเวลาจำกัดในแต่ละวัน ฉะนั้นน่าจะใช้เวลาทำอะไรให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และสินค้า M Max นี้เป็นตัวสนับสนุนผู้บริโภคในด้านพลังงานของร่างกาย หนึ่งในสาเหตุที่ต้องมีการสื่อสารในรูปแบบนี้อาจเป็นเพราะข้อจำกัดของกฎหมายในด้านอาหารและยาในบ้านเราก็เป็นได้

เมื่อแบรนด์เดินทางผ่านช่วงที่สาม จะเป็นช่วงที่เกิดการรับรู้ที่ชัดเจนของผู้บริโภคต่อแบรนด์ในทุกแง่ที่กล่าวมา คือ what it has, what it does, and what it means แต่สภาวะนี้ไม่ได้ทำให้แบรนด์สามารถดำรงอยู่ได้ตลอดไป เพราะแบรนด์สามารถแก่ เจ็บ และตายได้หากไม่มีการหมั่นดูแลรักษาสุขภาพของแบรนด์ อย่างสม่ำเสมอและล้อม และความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ว่าเป็นอย่างไร ....และนี้แหละ The Life Cycle of Brand ถูกวิธี ซึ่งวิธีการในการดูแลรักษาแบรนด์อย่างมีประสิทธิภาพนั้นมีอยู่หลายวิธี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสุขภาพปัจจุบันของแบรนด์บวกกับความเปลี่ยนแปลงแห่งสภาวะแวดล้อม และความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ว่าเป็นอย่างไร ....และนี้แหละ The Life Cycle of Brand

วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

หวัดหรือโรคหวัด

*"หวัดหรือโรคหวัด" ไม่ใช่โรคธรรมดาๆ อย่างที่คิด
เพราะเมื่อเป็นแล้วถ้าดูแลรักษาไม่ดีก็จะมีโรคอื่นที่หนักกว่าแทรกซ้อนขึ้นมาได้
*
ฉะนั้นการรักษาหวัดตั้งแต่เริ่มเป็นจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดโดยเน้นการรับประทานผักและผลไม้
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ
และระมัดระวังความสะอาดของอุปกรณ์การรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ


สำหรับอาหารต้านหวัดที่เป็นที่นิยมกันในปัจจุบันที่รวบรวมได้มีดังนี้

* 1. เอชินาเซีย (Echinaecea)* เป็นอาหารสมุนไพรที่นิยม
และได้รับการยอมรับในประเทศเยอรมนี สำหรับใช้ในการรักษาหวัด
ไข้หวัดใหญ่และโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ
จากข้อมูลการวิจัยพบว่าอาหารสมุนไพรนี้จะทำให้เพิ่มภูมิต้านทาน
แต่ควรใช้ในระยะสั้นๆ ตั้งแต่ 2-3 วันถึง 2
สัปดาห์ที่เริ่มต้นเป็นหวัดจะได้ผลดีที่สุด

*
2. ยาอมเสริมสังกะส*ีมีข้อมูลการวิจัยพบว่ายาอมที่มีส่วนผสมของสังกะสีกูลโคเนตไกลซีน(Zinc-gluconate-glycine)
นั้น
จะสามารถลดระยะการเป็นหวัดรวมถึงความรุนแรงของอาการหวัดได้
แต่บางข้อมูลการวิจัยบอกว่าไม่มีผลช่วยลดอาการหวัดได้

*
3. วิตามินซี *การรับประทานวิตามินซีในขนาดสูงๆ ไมาสามารถป้องกันหวัดได้
ถ้าการรับประทานวันละ 2,000 มิลลิกรัม จะช่วยลดความรุนแรงของอาการหวัด
และระยะการเป็นหวัดได้เท่านั้น แต่ไม่เหมาะสำหรับเด็ก หญิงมีครรภ์
และให้ลูกกินนม แต่ถ้าหากดื่มน้ำส้มคั้นมากๆ ก็จะได้ทั้งน้ำ
และวิตามินซีที่จะช่วยลดอาการหวัดได้เช่นเดียวกัน

*
4. ชาเปปเปอร์มินต์ *ในชาเปปเปอร์มินต์มีสารเมททอล
ดังนั้นการดื่มชาเปปเปอร์มินต์จะช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกน้ำมูกไหลเมื่อเป็นหวัดได้
สำหรับเคล็ดลับในการชงชาชนิดนี้ ขระแช่ชาควรปิดฝาด้วย
เพราะจะไม่ทำให้สารที่ออกมาระเหยไปเสียก่อนที่จะดื่ม

*
5. ซุปไก่ตุ๋น* ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น "เพนนิซิลิน
จากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ" จากข้อมูลการวิจัยพบว่า ซุปไก่ตุ๋นร้อนๆ จะลดน้ำมูก
ลดอาการคัดจมูก ทำให้หายใจคล่องขึ้น รวมทั้งช่วยลดอาการอักเสบจากการติดเชื้อได้

*
6. ผลไม้ *การรับประทานผลไม้ที่พอเพียงก็เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้การเป็นหวัดยากขึ้น
เพราะในผลไม้จะมีสารอาหาร
วิตามินและเกลือแร่ที่มีความสำคัญต่อการต้านหวัดได้สูง

จากข้อมูลการวิจัยของมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์วิตามินและเกลือแร่ 8 ชนิด คือ วิตามินเอ ไทอะมิน
ไรโบเฟลวิน ไนอะซิน โฟเลท วิตามินซี แคลเซียมและธาตุเหล็ก
ในผลไม้ที่นิยมรับประทานในเขตร้อน จำนวน 31 ชนิด พบว่า "ฝรั่ง"
มีวิตามินซีสูงที่สุดครองอันดับที่ 1 ตามมาด้วยผลกีวีและมะละกอ


10 อับดับผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เรียงจากมากไปน้อย ได้แก่

1. ฝรั่ง
2. ผลกีวี
3. มะละกอ
4. แคนตาลูป
5. สตรอเบอรี่
6. มะม่วง
7. มะนาว
8. ส้ม
9. แพชชันฟรุ๊ต
10.ผลเคอเร้นสีแดง


โดยสรุปแล้ว "อาหารต้านโรคหวัด" มีอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลตัวเราเอง
ผลไม้นับได้ว่าเป็นอาหารที่รสอาหาร วิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นสูง
ที่สามารถทำให้การเป็นหวัดยากขึ้น จึงควรรับประทานเป็นประจำ
เพียงแต่ว่าควรรับประทานผลไม้ให้หลากหลายและรวมถึงผลไม้ 10 อันดับดังกล่าวด้วย

วิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการจดจำ

ใครที่รู้สึกว่าสมองอ่อนล้า เฉื่อยชา และความจำถดถอย
เรามีวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการจดจำให้กับสมอง
เพราะจากผลการวิจัยบอกว่ายิ่งทำได้มากเท่าไหร่
ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อสมองของเรา

*1. บริหารสมองอยู่เสมอ*
ยิ่งเราใช้สมองมากและบ่อยเท่าไหร่ เซลล์สมองจะยิ่งเจริญเติบโตมากขึ้นเท่านั้น
ซึ่งนั่นก็จะส่งผลให้ความสามารถในการจำดีขึ้นตามไปด้วย วิธีบริหารสมอง เช่น
การเล่นหมากฮอส ต่อจิ๊กซอว์ หรือเล่นครอสเวิร์ดในเวลาว่าง

*2. กินยาเสริมความจำ*
มีผลการวิจัยยืนยันว่าหลังจากการกินโสมในปริมาณ 400 มิลลิกรัมไปแล้ว 1
ชั่วโมง จะทำให้ความสามารถในการจำดีขึ้นและส่งผลต่อไปอีกถึง 6 ชั่วโมง
แปะก๊วยก็มีการยืนยันว่าส่งผลดีต่อระบบความจำเหมือนกัน
เพราะจะไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตในสมอง
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาในอเมริกาพบว่า Vinpocetine ที่สกัดได้ขากต้น
Periwinkle (ไม้เลื้อยชนิดหนึ่งที่มีดอกสีฟ้า ใบเข้มเป็นมัน)
นั้นจะช่วยเพิ่มความจำและความจดจ่อในสิ่งที่กำลังทำอยู่ให้มากขึ้นได้

*3. กินผักและผลไม้สด*
เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่สูงในผักและผลไม้สดจะไปทำลายอนุมูลอิสระซึ่งเกิดจากการสะสมเป็นเวลานอนของเนื้อเยื่อไขมันอันจะทำให้สมองอ่อนแอลง
และช่วยชะลออาการความจำถดถอยในผู้สูงอายุ อาทิ ผมไม้ที่มีสีแดง ม่วง
และน้ำเงิน โดยเฉพาะตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ
จะมีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดที่มีความเข้มข้นสูงที่เรียกว่า Anthocyanidin

*4. ลดปริมาณแอลกอฮอล์*
เพราะจะส่งผลต่อการปลดปล่อยสาระสำคัญในสมองโดยจะไปขัดขวางความสามารถในการสร้างความจำใหม่
ๆ โดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นชื่อ ตัวเลข และเหตุการณ์ณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
ยิ่งไปกว่านี้ ความสามารถในการระลึกเหตุการณ์ณ์หรือเรื่องราวเก่า ๆ
ในอดีตก็จะถูกบั่นทอนไปด้วย

*5. ออกกำลังกาย*
ขณะที่ร่างกายของเราเคลื่อนไหวนั้นสมองจะได้รับเลือดมากเป็นพิเศษซึ่งนั่นหมายถึงว่าสมองจะได้รับกลูโคสและออกซิเจนมากขึ้นทำให้สมองแข็งแรงขึ้น
นอกจากนี้การออกกำลังกายยังไปเพิ่มประสิทธิภาพในการกระตุ้นความจำของสารเคมีในสมองที่เรียกว่า
Brain-Derived Neurotrophic Factor) ให้ทำงานได้ดีขึ้นด้วย

*6. จดบันทึกช่วยจำ*
เพราะโดยธรรมชาติของสมองเรานั้นเมื่อจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งตรงหน้า
ความสามารถในการจดจำสิ่งอื่นก็จะลดลง
ฉะนั้นการย้ายข้อมูลจากสมองมาเก็บไว้ในสมุดบันทึกอย่างคอมพิวเตอร์ ปาล์ม
หรือโทรศัพท์มือถือ
ก็เหมือสเป็นการช่วยลดความหนาแน่นของข้อมูลหรือเพิ่มพื้นที่ว่างในสมองเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

*7. ทำสมาธิ*
สมองของคนเรานั้นทำงานที่ความถี่หรือคลื่นสมองที่แตกต่างกัน
ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรากำลังทำหรือคิดอยู่ ภายใต้ความเครียดที่เกิดขึ้น
คลื่นเบต้าของสมองจะทำงานเร็วขึ้นซึ่งจะส่งผลให้สมองลืมสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ฉะนั้นเราควรคิดให้ช้าลง โดยการทำสมาธิ หลับตาลงช้าๆ หายใจเข้าเบาๆ ช้าๆ
โดยตั้งสติอยู่ที่ปลายจมูก จากนั้นหายใจออกช้าๆ
โดยตั้งสติอยู่ที่ช่องจมูกทางขวา จากนั้นหายใจเข้าอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้เวลาผ่อนลมหายใจออกให้ตั้งสติที่ช่องจมูกทางซ้าย
ทำเช่นนี้สลับกันประมาณ 10 นาที ทุกวันรับรองว่าสมองตื้อๆ ตันๆ
จะกลับมาโล่งโปร่งใสเหมือนเดิม

วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

การใช้งาน Windows Key

มาดูเทคนิคการใช้งานปุ่มโลโก้ วินโดวส์ ให้ดูปุ่มที่ปรากฏอยู่แถวด้านล่างของแป้นคีย์บอร์ด

กดแป้น Windows: จะแสดงเมนู Start
กดแป้น Windows + D: การย่อหรือขยายทุกหน้าต่าง
กดแป้น Windows + E: แสดงหน้าต่าง Windows Explorer
กดแป้น Windows + F: แสดงหน้าต่าง Search
กดแป้น Windows + Ctrl + F: แสดงหน้าต่าง Search บนเครื่องคอมพิวเตอร์
กดแป้น Windows + F1: แสดงหน้าต่าง Help and Support Center
กดแป้น Windows + R: แสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ Run
กดแป้น Windows + break: แสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ System Properties
กดแป้น Windows + shift + M: ยกเลิกการย่อทุกหน้าต่าง
กดแป้น Windows + L: การล็อกเวิร์กสเตชัน
กดแป้น Windows + U: เปิดหน้าต่าง Utility Manager
กดแป้น Windows + Q: การสลับผู้ใช้งาน(ใช้ได้กับเครื่องที่ติดตั้ง Powertoys เท่านั้น)

คำคมขงเบ้ง โหมด ผู้บริหาร

1. ถ้าคุณคิดจะเป็นใหญ่ คุณก็จะได้เป็นใหญ่ ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไรคุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น
2. เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาสเพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วยดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"
3. นกทำรังให้ดูไม้ ข้าเลือกนายให้ดูน้ำใจ
4. ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด
5. ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด
6. ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น
7. ถ้าสติไม่มา ปัญญาก็ไม่มี
8. ไม้คดใช้ทำขอเหล็กงอใช้ทำเคียว แต่ คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย
9. เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว เดินหมากรุกยังต้องคิดเดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร
10. เมื่อใครสักคนหนึ่ง ทำผิด ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่าเขาเพราะถ้าท่านเป็นเขาและตกอยู่ในสภาพแวดล้อม เช่นเดียวกับเขาท่านอาจจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้
11. การบริหารคือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมือผู้อื่น
12. ผู้ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสารมารถของตนอย่างเต็มที่
13. ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่
14. ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่
15. อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น
16. เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ใช่ หรือ อาจจะ" เขามีความหมายว่า "อาจจะ"
17. เมื่อนักการฑูตพูดว่า "อาจจะ" เขามีความหมายว่า "ไม่"
18. เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ไม่" เขาไม่ใช่นักการฑูตเพราะนักการฑูตที่ดีจะไม่ปฏิเสธใคร)
19. เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ไม่" หล่อนมีความหมายว่า "อาจจะ"
20. เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "อาจจะ" หล่อนมีความหมายว่า "ใช่ หรือ ได้"
21. เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ใช่ หรือ ได้" หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรี.
22. สุภาพสตรีจะไม่ตอบรับใครง่าย ๆ
23. คิดทำการใหญ่ อย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย
24. ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถ มองเห็นคิ้วของตน
25. คนส่วนใหญ่ใส่ใจกับผลได้ระยะสั้นเท่านั้น แต่คนฉลาดอย่างแท้จริงจะมองไปยังอนาคต

The Sim 2 สูตร

เพิ่มเงิน 50000 บาท Motherlode
ปิด/เปิดอายุ Aging On/Off
อัพเดท patchเมื่อมีpatchใหม่ Autopatch
Exit ปิดช่องใส่สูตร

family funds จำนวนเงินที่ต้องการ

help : บอกรายชื่อสูตรบางส่วน
help –all : บอกรายชื่อสูตรทั้งหมด
expands : ขยายช่องคอนโซลให้ใหญ่ขึ้น
exit : ออกจากหน้าต่างสูตร หรือใครจะกด Esc ก็ได้
kaching : ได้เงิน 1000 ซิมโมลิออนส์
motherlode : ได้เงิน 50,000 ซิมโมลิออนส์
autopatch (on/off) : อัพเดต Patch เมื่อมีมาใหม่ๆ
moveobjects (on/off) : เคลื่อนย้าย ลบวัตถุ
aging (on/off): ชาวซิมส์ไม่มีอายุขัย
vsync (on/off) : เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้ลื่นขึ้น พร้อมกับลดคุณภาพของกราฟิก
StretchSkeleton : ทำให้ตัวละครสูงเป็นเปรตหรือเตี้ยเป็นคนแคระได้ โดยพิมพ์ค่าตัวเลขให้มากหรือน้อยกว่า 1.0 ถ้ามากกว่าตัวละครจะสูงและถ้าน้อยกว่าตัวละครก็จะเตี้ยลงมา
sethour (1-23) : เปลี่ยนช่วงเวลา
slowMotion : ปรับการเคลื่อนไหวตัวละครให้ช้าลง ใส่ตัวเลขต่อท้ายได้ตั้งแต่ 0-8 ตัวเลข 0 เป็นค่าปกติ
enablePostProcessing true : Turns Postprocessing on. boolProp
enablePostProcessing false : Turns Postprocessing off. boolProp
filmGrain : ปรับความละเอียดในส่วนของหนังที่เราถ่าย ใส่ค่าได้ตั้งแต่ 0.0 ถึง 1.0 (ต้องเปิด postprocessing ก่อน)
bloom rgb : ปรับเอฟเฟคภาพให้เบลอตอนถ่าย ใส่ค่าได้ตั้งแต่ 0.0 ถึง 1.0 (ต้องเปิด postprocessing ก่อน)
vignette : ให้ภาพหน้าจอเบลอ ใส่ค่าได้ตั้งแต่ 0.0 ถึง 1.0 (ต้องเปิด postprocessing ก่อน)
letterBox : เพิ่มเอฟเฟคตรงตู้รับจดหมาย ใส่ค่าได้ตั้งแต่ 0.0 ถึง 0.4 (ต้องเปิด postprocessing ก่อน)
ส่วนสูตรที่ใช้ตอนเข้าหน้าจอเลือกละแวกเพื่อนบ้าน มีอยู่ 2 สูตร ดังนี้
deleteAllCharacters : ลบซิมส์ทุกอย่างในแผนที่ออกทั้งหมด
TerrainType (desert/temperate) : สลับระหว่างแผนที่ที่มีภูมิประเทศเป็นธรรมชาติและแห้งแล้ง โดยพิมพ์ desert หรือ temperate ต่อท้าย แต่ใช้ได้เฉพาะเมืองสเตรนจ์ทาวน์และเวโรนาวิลล์







การจะใส่สูตรสำหรับเกมส์นี้ จะต้องเรียกช่องพิมพ์ข้อความก่อนโดยการกดคีย์ [Ctrl]+[xxxf]+[C] พร้อมกัน จะมีแถบพิมพ์ข้อความสีเทาปรากฏขึ้นที่มุมบนซ้ายของจอ เมื่อพิมพ์สูตรแล้วกด [Enter] เพื่อให้สูตรทำงาน
สำหรับในเกมส์ The Sims เวอร์ชั่นภาษาไทยนั้น ตอนพิมพ์เครื่องหมายขีดล่าง (_) ของบางสูตรในเกมส์จะไม่ปรากฏเครื่องหมายขีดล่างให้เห็น (แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะมีวรรคเล็ก ๆ เกิดขึ้น) แต่อย่างไรก็ตามให้พิมพ์เครื่องหมายขีดล่างตามสูตรแม้ว่าจะมองไม่เห็นก็ตาม สูตรจะทำงานตามปกติ

1. klapaucius - สูตรนี้จะเป็นสูตรเพิ่มเงินของครอบครัวซิมส์ของคุณ 1,000 ซิโมเลียน (Simolean) สูตรนี้ใช้ได้ครั้งเดียว หากต้องการจะโกงเงินอีก ต้องใช้สูตรถัดไป (สูตรโกงเงินสูตรนี้ใช้ได้กับ The Sims ภาคแรกเท่านั้น ถ้าหากใช้ภาคเสริมอื่น ๆ ต้องใช้สูตร rosebud)
2. !;!;!;... - การพิมพ์ !; แต่ละคู่จะช่วยเพิ่มเงินให้คุณ 1,000 ซิโมเลียน เช่น ถ้าพิมพ์ 3 คู่ ก็จะได้เพิ่มเงิน 3,000 ซิโลเลียน เป็นต้น ก่อนจะใช้สูตรนี้ ต้องพิมพ์สูตร klapaucius ก่อน (หรือถ้าเป็นเกมส์ The Sims ภาคเสริมอื่น ๆ จะต้องพิมพ์สูตร rosebud ก่อน)
3. water_tool - สูตรนี้จะเป็นสูตรสร้างพื้นที่แอ่งน้ำให้กับบริเวณสนามหลังบ้านของคุณโดยคลิกบริเวณที่ต้องการ คุณสามารถยกเลิกมันได้ด้วยการเลือกเครื่องมือใด ๆ ก็ได้ที่อยู่ในโหมดสร้าง ถ้าต้องการเปลี่ยนแอ่งน้ำที่คุณสร้างให้กลับเป็นสนามอีกครั้งก็กดปุ่ม [Ctrl] ค้างไว้แล้วคลิกเมาส์ที่บล็อคนั้น ๆ แต่ขอให้ระวังหน่อยเพราะชาวซิมส์ไม่สามารถเดินผ่านแอ่งน้ำได้
4. autonomy + [Space bar] + (0 ถึง 100) - สูตรนี้จะเป็นการกำหนดค่าระดับพฤติกรรมอัตโนมัติของพวกชาวซิมส์ทุก ๆ คนในบ้าน เช่น ถ้ากำหนดเป็น 0 จะเป็นการปิดพฤติกรรมอัตโนมัติของชาวซิมส์ ถ้ากำหนดเป็น 50 ระดับพฤติกรรมอัตโนมัติอยู่ในระดับปกติ ถ้ากำหนดเป็น 100 ชาวซิมส์ของคุณจะทำสิ่งต่าง ๆ โดยอัตโนมัติโดยท่คุณไม่จำเป็นต้องควบคุมเลย
5. bubble_tweak + [Space bar] + (0 ถึง -65) เป็นการกำหนดค่าการแสดงของบอลลูนความคิดเมื่อชาวซิมส์นอนหลับ (จะแสดงเป็นรูปภาพแทนที่จะเป็น zzzzZZZZ) ปกติเกมส์ตั้งค่าไว้ที่ -65
6. draw_all_frames + [Space bar] + (on/off) - แสดงเฟรมภาพอนิเมชั่นทั้งหมดอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการข้าม ซึ่งอาจจะมีผลให้ความเร็วของเกมส์ลดลงสำหรับเครื่องที่มีความเร็วไม่สูงพอ (เหมือนดูภาพสโลว์โมชั่น)
7. draw_floorable + [Space bar] + (on/off) - เปิด/ปิด การแสดงช่องตารางที่คุณสามารถใช้สร้างพื้นกระเบื้องได้ในโหมดสร้าง
8. draw_routes + [Space bar] + (on/off) - แสดงเส้นทางการเดินของชาวซิมส์คนที่ถูกเลือกอยู่โดยแทนเป็นจุดสีต่าง ๆ 3 สี คือ แดง เหลือง และน้ำเงินเรียงสลับกัน
9. genable + [Space bar] + (ค่าต่าง ๆ ตามรายชื่อข้างล่าง)
ใช้สูตรนี้เพื่อ เปิด/ปิด การวาดพื้นผิวของสิ่งต่าง ๆ บนจอภาพ มีดังนี้:
genable default : ตั้งค่าทุกอย่างเป็นค่าปกติที่เกมส์กำหนด
genable status : แสดงค่าต่าง ๆ ที่ถูกกำหนดไว้
genable terrain (on/off) : เปิด/ปิด การวาดพื้นที่โดยรอบ
genable floors (on/off) : เปิด/ปิด การวาดพื้น
genable walls (on/off) : เปิด/ปิด การวาดผนัง
genable objects (on/off) : เปิด/ปิด การวาดวัตถ
genable people (on/off) : เปิด/ปิด การวาดตัวซิมส์
genable all (on/off) : เปิด/ปิด ทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมาแล้ว
10. grid + [Space bar] + (on/off) - เปิด/ปิด การแสดงช่องตารางบนพื้น
11. grow_grass + [Space bar] + (จำนวนที่ต้องการ) - เพิ่มจำนวนหญ้าเต็มในแต่ละช่องตารางของสนามหญ้า มีประโยชน์ในกรณีที่คุณมีการขุด ถม หรือเกลี่ยดิน พื้นสนามหญ้าทำให้สนามหญ้าของคุณเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ถ้าอยากให้กลายเป็นสีเขียวทั้งหมดก็ใส่ค่าจำนวนที่ต้องการเป็น 150
12. history + [Space bar] + (ชื่อไฟล์) - บันทึกประวัติของครอบครัวซิมส์ปัจจุบันของคุณตามชื่อไฟล์ที่คุณตั้ง แต่ถ้าไม่ได้กำหนดชื่อไฟล์เกมส์จะกำหนดชื่อไฟล์เป็น FamilyHistory.txt และเก็บไว้ในโฟลเดอร์ของเกมส์ The Sims สำหรับการอ่านข้อมูลนี้เหมาะสมที่จะใช้ Microsoft Exel เพราะเกมส์ได้บันทึกข้อมูลในลักษณะที่เป็นตาราง
13. map_edit + [Space bar] + (on/off) - เปิด/ปิด โหมดการกำหนดประเภทของช่องตารางซึ่งจะมีอยู่สองประเภทคือ ถูกล็อค (ถูกแรเงาเป็นจุดสีส้ม) และไม่ได้ถูกล็อค (ถูกแรเงาเป็นจุดสีขาวและจุดสีส้ม) พื้นที่ที่ถูกล็อคจะอยู่บริเวณขอบของที่ดินของคุณซึ่งปกติคุณไม่สามารถทำอะไรกับที่ดินส่วนนั้นได้ การล็อคหรือปลดล็อคทำโดยการคลิกที่ช่องตารางนั้น ๆ เมื่อคุณปลดล็อคที่ดินจุดนั้นแล้วคุณก็สามารถที่จะย้ายวัตถุ สร้างพื้น หรือสร้างกำแพงบริเวณนั้นได้ บางทีคุณอาจจะย้ายถังขยะหน้าบ้านคุณมาเก็บไว้ในบ้านก็ได้
14. move_objects + [Space bar] + (on/off) - เปิด/ปิดความสามารถในการเคลื่อนย้ายวัตถุ สร้างพื้น หรือสร้างกำแพงทั้งพื้นที่ที่ถูกล็อคและไม่ถูกล็อค พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นการปลดล็อคพื้นที่ทั้งหมดนั่นเอง
15. preview _anims + [Space bar] + (on/off) - เปิด/ปิดการทดสอบอนิเมชั่นของซิมส์ที่สามารถกระทำกับวัตถุที่ถูกเลือกได้ โดยการคลิกวัตถุนั้นแล้วเลือกอนิเมชั่นที่ต้องการ แล้วซิมส์ที่ถูกเลือกก็จะแสดงอนิเมชั่นที่ปฏิบัติต่อวัตถุนั้นโดยที่เขาไม่ได้กระทำสิ่งนั้นจริง ๆ
16. rotation (0 ถึง 30) - เป็นการติดตั้งค่ามุมกล้องซึ่งมีทั้งหมด 4 ทิศ (คุณสามารถหมุนมุมกล้องเองในเกมส์ได้เช่นกัน) ถ้าต้องการให้เป็นมุมเดียวกับที่มองในหน้าจอแสดงหมูบ้านก็ให้ตั้งค่าเป็น 0
17. route_balloons + [Space bar] + (on/off) - เปิด/ปิดบอลลูนข้อความที่ใช้อธิบายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเส้นทางการเดินของชาวซิมส์ในกรณีเช่น เมื่อชาวซิมส์ต้องรอ หรือเมื่อชาวซิมส์ต้องหลีกทาง
18. sim_speed + [Space bar] + (-1000 ถึง 1000) - คุณสามารถเพิ่มหรือลดความเร็วของเกมส์ได้ตามความต้องการโดยค่าอยู่ในช่วงระหว่าง -1000 (สโลว์โมชั่น) ถึง 1000 (เหมือนกับตั้งค่าความเร็วระดับสูงสุด)
19. sim_log + [Space bar] + (begin/end) - เริ่มหรือหยุดการบันทึกข้อมูลทั่ว ๆ ไปของซิมส์ในครอบครัว ไว้ในไฟล์ชื่อ Simlog.txt ที่อยู่ในโฟลเดอร์ของ The Sims เมื่อพิมพ์ sim_log begin แล้วเกมส์ก็จะติดตามบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างที่ซิมส์แต่ละตัวปฏิบัติ และเมื่อพิมพ์ sim_log end เกมส์ก็จะบันทึกข้อมูล สำหรับการอ่านข้อมูลนี้เหมาะสมที่จะใช้ Microsoft Exel เพราะเกมส์ได้บันทึกข้อมูลในลักษณะที่เป็นตาราง
20. sweep + [space bar] + (on/off/none) - เปิด/ปิดการแสดงกราฟของเหตุการณ์ในเฟรมต่าง ๆ คลิกที่หน้าต่าง Sweep และกดคีย์ ขึ้น/ลง เพื่อเปลี่ยนเหตุการณ์ที่จะถูกพล็อต และกดคีย์ซ้าย/ขวา เพื่อเปลี่ยนอัตราการพล็อตซึ่งมีหน่วยเป็น หนึ่งส่วนพันวินาที (Millisecond) ต่อหนึ่งจุด ในบางครั้งอาจจะใช้ประโยชน์จากสูตรนี้ในการตรวจการเคลื่อนไหวของวัตถุต้องสงสัยก็ได
21. tile + [Space bar] + (on/off) - เปิด/ปิดการแสดงรายละเอียดของกระเบื้องปูพื้น แต่ถ้าต้องการดูรายละเอียดของวัตถุให้คลิกที่หน้าต่าง Tile แล้วกด R เพื่อเปลี่ยนเป็นการแสดงรายละเอียดของวัตถ
22. auto_level - สามารถใช้เครื่องมือช่างอย่างอัตโนมัติ
23. fileimport + [Space Bar] - (ชื่อไฟล์ Family) - นำไฟล์ Family เข้ามาและโหลดให้อัตโนมัต
24. askedhouse + [Space Bar] + (เลขบ้าน) - โหลดบ้านที่อยู่อัตโนมัติโดยไม่ต้องถาม
25. prepare_lot - ซ่อมแซมวัตถุจำนวนมาก
26. crash - ล้มเลิกเกมส์ที่เล่น
27. filesshrink_text +[Space Bar] + (ขนาดตัวหนังสือ) + (ข้อความ) - สร้างไฟล์ shrink_text.bmp
28. edit_char - โหมดสร้างตัวละคร
29. interests - แสดงบุคคลและความสนใจของบุคคลนั้น
30. origindraw_origins - ทำจุดสีให้กับแต่ละคน
31. core_dump - เขียนข้อมูลในหน่วยความจำทั้งหมดลงไปในไฟล์ core_dump_[date:time].txt
32. dump_happy - พิมพ์รายการค่าต่าง ๆ ของบุคคลที่เลือก
33. cht + [Space Bar] + [ชื่อไฟล์] - รันไฟล์ file.cht ซึ่งบรรจุ สูตรโกง
34. assert - ยืนยันการตรวจสอบ
35. tutorial + [Space Bar] + (on/off) - ไม่มีการช่วยสอนในการสร้างวัตถุ เมื่อ Tutorial House ถูกโหลดขึ้นมา
36. tile_info - แสดงข้อมูลเกี่ยวกับผู้พัฒนาโปรแกรมนี้
37. quit - ออกจากเกมส์
38. import - นำค่าจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากไฟล์ tuning.txt เจ้ามาใช้
39. restore_tut - กลับไปใช้การช่วยสอนเหมือนเดิม
40. porntipsguzzardo - ให้ตัวละครพูดว่า porntipsguzzardo
41. xyzzy - ให้ตัวละครพูดว่า xyzzy
42. dit_grass + [Space Bar] + (number) - กำหนดค่าการเปลี่ยนแปลงของต้นหญ้า
43. visitor_control - เปิดปิดการควบคุมแขกด้วยการใช้คีย์บอร์ด
44. music - เปิด/ปิดเพลง sound เปิดปิดเสียง
45. html - เปิด/ปิดการสร้างโฮมเพจ

connect to a sql database using C#

using System;
using System.Data.SqlClient;

namespace ConsoleCSharp
{
///
/// Summary description for Class1.
///

class DataReader_SQL
{
///
/// The main entry point for the application.
///

[STAThread]
static void Main(string[] args)
{
//
// TODO: Add code to start application here
//
try
{
SqlConnection thisConnection = new SqlConnection(@"Network Library=DBMSSOCN;Data Source=192.168.0.100,1433;database=Northwind;User id=Paladine;Password=;");
thisConnection.Open();
SqlCommand thisCommand = thisConnection.CreateCommand();
thisCommand.CommandText = "SELECT CustomerID, CompanyName FROM Customers";
SqlDataReader thisReader = thisCommand.ExecuteReader();
while (thisReader.Read())
{
Console.WriteLine("\t{0}\t{1}", thisReader["CustomerID"], thisReader["CompanyName"]);
}
thisReader.Close();
thisConnection.Close();

}
catch (SqlException e)
{
Console.WriteLine(e.Message);
}

}
}
}

รหัส กวนโอ๊ย ยยยยยย

(_\_)(__) (_/_) ส่าย ก้น ดุ๊กดิ๊ก

OOOO---- - ลูกชิ้น ปิ้ง

(' ' )( ' ' )( ' ') หมามองเครื่อง บิน

(. . )( . . ) ( . .) สาวบนเครื่องบินมองลง มา

t(- " - t ) ชูนิ้วกลาง ด่า

@( >"<)@ กำมือกรี๊ดสุ ดริด

/ (>_<)\ ทนฟัง ไม่ ได้

==============]o--(-"-o- -) เจ ได

========]--( =="== )--o]======== ดา ร์คมอล์

( -/\-) สวัสดี ครับ

( - _ -)/\ ธุๆ

/\(- _- )( -/\- )( - _-)/\ ภราดร ( ไหว้ 4 ทิศ)

(__) *

(__) ====@ ตด

(o)(o) นมจาก เต้า

( o ) ( o ) นมบิ๊กไซส์

\o/\o/ นม ยาน

(o)\./ นมแบบนี้ปรึกษาแพทย์ ด่วน

__)__) ก้น ใหญ่

_____)___) ก้นใหญ่ มาก

ไ( -" -ไ) ตั้งการ์ด สูง

ๆ( -" - ๆ)
ตั้งการ์ดต่ำ

o==( -" - ๆ) แย็บ ขวา

o==( -" - o==) ชกๆ

\('-' \)\( ' - ' )/ (/ '-')/ เอ้าฮุยเล ฮุย

\(ToT)/ แง.. อุ้มๆ

^} ผู้ชาย

//^} ผู้หญิง

^}{^\\ ผู้ชายกะผู้หญิง จุ๊บ กัน

(___/U\___) ผู้ชายยืนแก้ ผ้า

(___/\/\___) ผู้หญิงยืนแก้ ผ้า

(___/*U*\___) ผู้ชายยืนแก้ผ้า(อันนี้โตเป็นผู้ใหญ่ แล้ว

คำถามที่ยากที่สุดที่คุณต้องพบเมื่อสัมภาษณ์งาน

To: Undisclosed-Recipient

10 คำถามที่ยากที่สุดที่คุณต้องพบเมื่อสัมภาษณ์งาน
จากหนังสือ "Pocket Hiring Guide on How To Hire the Right Person"
จากเว็บไซต์ JobsDB.com โดยผู้อบรมเดนิส คอเวียร์


กรกฎาคม 2548


คุณต้องค้นหาคำตอบอย่างหนักเพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง ภูมิหลังของบริษัท
หน้าที่รับผิดชอบของงาน จุดอ่อน/จุดแข็ง รวมถึงเป้าหมายในการทำงานของคุณ


#10: ทำไมคุณถึงสนใจสมัครตำแหน่งนี้ ในบริษัทนี้
คำตอบที่ใช้ไม่ได้: "เพราะว่าผมต้องการเงินและ/หรือประสบการณ์"
เพราะนี้จะหมายความว่าคุณจะใช้บริษัทนี้เป็นเหมือนสถานีผ่านทางไปสู่สิ่งที่ดีก?ว่า
สิ่งที่ต้องจดจำ:
ทุกบริษัทต้องการพนักงานที่ทำงานในบริษัทเป็นระยะเวลายาวนาน
คำตอบที่ดี: ก่อนอื่นต้องตรวจสอบตัวคุณเองก่อนว่าคุณค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทและงานที่?คุณสมัครเป็นอย่างดี
อธิบายว่าคุณเหมาะสมกับตำแหน่งที่สมัครอย่างไร
รวมถึงโอกาสของงานนี้จะช่วยคุณพัฒนาทักษะและความสามารถได้อย่างไร
พูดถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาของคุณ (หรือกิจกรรมที่ทำเมื่อเรียน)
ที่คุณรักและมีความเชี่ยวชาญ


"(บริษัท ก) เป็นที่รู้จักกันอย่างดีในเรื่อง (จุดแข็งของบริษัท)
ผมต้องการทำงานกับบริษัทที่มีการทำงานแบบนี้ (งาน)
นี้จะช่วยพัฒนาทักษะของผมในส่วน (ความสามารถและความสามารถพิเศษอื่นๆ)"


#9: คุณลาออกจากตำแหน่งงานปัจจุบันด้วยสาเหตุใด
และคุณประทับใจอะไรกับบริษัทล่าสุดที่คุณทำงาน
ห้ามพูดถึงเจ้านายคนเก่าของคุณในทางที่ไม่ดี
การยุ่งในสิ่งที่ไม่ถูกเรื่องและการลอบกัดจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวคุณเอง
ทำให้ภาพของคุณดูไม่ดี ในทางกลับกัน
ให้เน้นถึงสิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากบริษัทก่อนหน้านี้
ให้เน้นว่าเพราะว่าคุณมองหาความท้าทายที่มากขึ้น
และถึงเวลาที่ต้องปรับเปลี่ยนตัวคุณเองแล้ว


#8: สิ่งที่คุณคาดหวังจากตำแหน่งงานนี้
ให้คุณเข้าใจถึงหน้าที่รับผิดชอบของงานก่อน เข้าใจถึงแรงกดดันที่เกิดขึ้น
แล้วตอบว่าคุณต้องการเรียนรู้ความรับผิดชอบเหล่านี้และอยากจะเผชิญหน้ากับความก?ดดันทั้งหลายที่มี


#7: ในห้าปีข้างหน้า คุณมองภาพตัวคุณเองว่าเป็นอย่างไร
สำหรับผู้จัดการหลายราย
คำถามนี้เป็นคำถามที่ท้าทายอย่างมากว่าคุณจะตอบให้ตัวเองได้เกิดหรือตายไปเลย!
โปรดตรวจสอบว่าคุณเห็นความก้าวหน้าในอาชีพการงานที่ดี
ก่อนที่จะเข้าสัมภาษณ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคุณมีเป้าหมายที่คุณกำหนดไว้


#6: คุณคิดว่าคุณจะช่วยหน่วยงานนี้ได้ดีที่สุดที่จุดไหน
ให้คุณคิดให้ดีว่าคุณมีความเก่งในเรื่องใด
จำไว้ว่าการอบรมและประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาของคุณจะช่วยคุณได้
โดยคิดว่าจะนำประสบการณ์เหล่านั้นมาช่วยคุณให้มากที่สุดได้อย่างไร
และนำไปใช้ให้ตรงกับความต้องการของบริษัท และกับงานที่คุณสมัครด้วย


#5: คุณจัดการกับคำวิจารณ์อย่างไร ทั้งจากเจ้านาย หรือจากเพื่อนร่วมงาน
จงยอมรับว่าคำวิจารณ์ล้วนทำให้เจ็บปวด แต่ก็เป็นครูที่ดีด้วยเช่นกัน
ยกตัวอย่างที่ผ่านมาซึ่งคุณได้รับคำวิจารณ์ในทางลบ
และแม้ว่าคุณจะเจ็บปวดกับคำวิจารณ์เหล่านั้น แต่คุณก็เผชิญหน้ากับมัน
และนำคำวิจารณ์เหล่านั้นมาปรับปรุงตัวคุณเอง


#4: คุณจัดการกับความกดดันอย่างไร
ขอให้พูดตามตรง: ไม่มีใครเป็นคนวิเศษเลิศเลอ ข้อแรก
ให้อธิบายประเภทของความกดดันที่คุณคุ้นเคยและสามารถจัดการกับมันได้โดยง่าย
(เช่น กำหนดเวลาในการทำงาน)
จากนั้นยอมรับว่าแรงกดดันประเภทนี้ทำให้คุณจัดการกับสถานการณ์ที่เลวร้ายได้
(เช่น คิดงานไม่ออกเพราะบรรยากาศในการทำงานไม่เอื้ออำนวย)
แต่ให้พูดปิดประเด็นในแง่บวก
โดยยกตัวอย่างวิธีการปรับปรุงจุดอ่อนเหล่านั้นของคุณ


#3: คุณคิดว่าคุณจะปรับปรุงตัวคุณเองได้อย่างไร
ทั้งในแง่ของทักษะความสามารถ หรือ ในด้านอุปนิสัย
คำถามนี้แยกย่อยมาจากข้อ #2. ผู้สัมภาษณ์ต้องการความซื่อสัตย์
ไม่ใช่การโกหกพกลม มองตัวคุณเอง ดูว่าสิ่งไหนที่คุณต้องการปรับปรุง
เป็นเรื่องทักษะด้านการสื่อสาร ความรอบรู้
หรือความสัมพันธ์กับผู้อื่นในสังคม
ให้คุณยอมรับในเรื่องจุดอ่อนของตัวคุณเอง
และพูดปิดประเด็นว่าคุณกำลังปรับปรุงตัวคุณเองให้ดีขึ้น
(เข้าอบรมเพิ่มเติมในโรงเรียน การสมัครเป็นสมาชิกชมรถทั่วๆ ไป เป็นต้น)


#2: สิ่งที่คุณสามารถทุ่มเทให้กับบริษัท ที่ผู้อื่นไม่สามารถทำได้
คำถามนี้เปิดโอกาสให้คุณแสดงคุณสมบัติเด่นของคุณเอง ในการสัมภาษณ์งาน
คุณต้องขายตัวคุณเอง นำประสบการณ์ ความสามารถ
และอุปนิสัยของคุณมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ให้คุณ เป็นคนที่บริษัทต้องการ
คิดย้อนกลับไปถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาที่ไม่มีใครจะนึกถึง
หรือเมื่อคุณมีไอเดียอันบรรเจิดซึ่งทำให้ทุกคนหลงใหลได้ปลื้มมาแล้ว


#1: คำถามที่นิยมถามมากที่สุด คือ ทำไมบริษัทเราจึงต้องจ้างคุณ
คำตอบที่ถูกต้องหนึ่งคำตอบสำหรับคำถามนี้ คือ
"ผมจะช่วยให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น"


ตอบคำถาม 9 ข้อแรกให้ดี และคุณจะไม่ต้องลำบากเมื่อถึงคำถามในข้อนี้
เพราะคุณได้พิสูจน์คุณค่าของตัวคุณเองไว้ใน 9 ข้อแรกแล้ว!!

C# Connect DB

using System;
using System.Data;
using System.Configuration;
using System.Web;
using System.Web.Security;
using System.Web.UI;
using System.Web.UI.WebControls;
using System.Web.UI.WebControls.WebParts;
using System.Web.UI.HtmlControls;
using System.Data.SqlClient;


public partial class _Default : System.Web.UI.Page
{
protected void Page_Load(object sender, EventArgs e)
{

}

protected void BtnInsert_Click(object sender, EventArgs e)
{
string txtName = TextBox2.Text;
string txtLname = TextBox3.Text;
string txtEmail = TextBox4.Text;
string txtPhone = TextBox5.Text;
string txtUserName = TextBox6.Text;
string txtPassword = TextBox7.Text;
string txtWebSite = TextBox8.Text;

string StrConn = "Database=work; server=localhost; user id = sa; password = 1234";
string StrSql = "INSERT INTO tbPersonalinfo(Name, Lname, Email, Phone, UserName, Password, WebSite) " +
"VALUES ('" +
txtName + "', '" +
txtLname + "', '" +
txtEmail + "', '" +
txtPhone + "', '" +
txtUserName + "', '" +
txtPassword + "', '" +
txtWebSite + "')";

SqlConnection conn = new SqlConnection(StrConn);
conn.Open();
SqlCommand cmd_sql = new SqlCommand(StrSql, conn);
int rowRetun = cmd_sql.ExecuteNonQuery();
Console.WriteLine("{0} row Retuned", rowRetun);
//TextBox1.Text = rowRetun;
conn.Close();
}
protected void BtnSelect_Click(object sender, EventArgs e)
{
string StrConn = "Database=work; server=localhost; user id = sa; password = 1234";
SqlConnection conn = new SqlConnection(StrConn);

string SqlCmd = "SELECT ID, Name, Lname, Email, Phone, UserName, Password, WebSite FROM tbPersonalinfo ORDER BY ID DESC";
SqlDataAdapter da = new SqlDataAdapter(SqlCmd, conn);
DataSet ds = new DataSet();

da.Fill(ds, "emps");
GdvListData.DataSource = ds;
GdvListData.DataBind();
}
}

Warren Buffet วอร์เรน บัพเฟตต์

ชีวิตพอเพียงของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก Warren Buffet วอร์เรน บัพเฟตต์
แปลโดย Wilai Trakulsin
มีรายการสัมภาษณ์หนึ่งชั่วโมงของสถานีโทรทัศน์ CNBC สัมภาษณ์ วอร์เรน บัพเฟตต์มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก (รองจากบิล เกตส์) ซึ่งบริจาคเงินให้การกุศล 31,000 ล้านดอลล่าร์ ต่อไปนี้คือแง่มุมบางส่วนที่น่าสนใจยิ่งจากชีวิตของเขา:
1) เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ และปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป!
2) เขาซื้อไร่เล็กๆ เมื่ออายุ 14 โดยใช้เงินเก็บจากการส่งหนังสือพิมพ์
3) เขายังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังเดิมขนาด 3 ห้องนอน กลางเมืองโอมาฮา ที่ซื้อไว้หลังแต่งงานเมื่อ 50 ปีก่อน เขาบอกว่ามีทุกสิ่งที่ต้องการในบ้านหลังนี้ บ้านเขาไม่มีรั้วหรือกำแพงล้อม
4) เขาขับรถไปไหนมาไหนต้วยตนเอง ไม่มีคนขับรถหรือคนคุ้มกัน
5) เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว แม้จะเป็นเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก
6) บริษัท เบิร์กไช แฮทะเวย์ ของเขามีบริษัทในเครือ 63 บริษัท เขาเขียนจดหมายถึงซีอีโอของบริษัทเหล่านี้เพียงปีละฉบับเดียว เพื่อให้เป้าหมายประจำปี เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับซีอีโอเหล่านี้เป็นประจำ
7) เขาให้กฎแก่ ซีอีโอ เพียงสองข้อ กฎข้อ 1 อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย กฎข้อ 2 อย่าลืมกฎข้อ 1
8 ) เขาไม่สมาคมกับพวกไฮโซ การพักผ่อนเมื่อกลับบ้าน คือทำข้าวโพดคั่วกินและดูโทรทัศน์
9) บิล เกตส์ คนที่รวยที่สุดในโลก เพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน บิล เกตส์คิดว่าตนเองไม่มีอะไรเหมือนวอร์เรน บัพเฟตต์เลย จึงให้เวลานัดไว้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อบิล เกดส์ได้พบบัฟเฟตต์จริงๆ ปรากฏว่าคุยกันนานถึงสิบชั่วโมง และบิล เกตส์กลายเป็นผู้มีศรัทธาในตัววอร์เรนบัพเฟตต์
10) วอร์เรน บัพเฟตต์ ไม่ใช้มือถือ และไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน
11) เขาแนะนำเยาวชนคนหนุ่มสาวว่า: จงหลีกห่างจากบัตรเครดิตและลงทุนในตัวคุณเอง
ที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย๔ อย่างเพียงพอนั่นเอง
มหาเศรษฐีหรือยาจก กินข้าวแล้วก็อิ่ม1มื้อ เท่ากันมหาเศรษฐีหรือยาจก มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุด เท่ากันมหาเศรษฐีหรือยาจก มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ ก็เหมือนกันคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัวเหมือนกันมหาเศรษฐีหรือยาจก จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร สุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน
....มองทะลุวัตถุนิยม และเห็นความหมายที่แท้จริงของชีวิต

วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

งานเขียน โกวเล้ง

งานเขียน โกวเล้ง

คำคมเด็ดๆ จาก โกวเล้ง

  • จะมีชีวิตอยู่โดยทรงคุณค่าเป็นที่ลำบากก็จริง จะตายให้มีคุณค่ายิ่งยากเข็ญกว่ามากนัก
  • เรื่องที่สวยงามมักเป็นเช่นฟองสบู่อยู่เสมอมา ปรากฏวูบก็หายวับ หากคิด จะฝืนกำลังไปเหนี่ยวรั้งมันไว้ที่แลกได้มา มักเป็นความเจ็บช้ำและเคราะห์กรรมเสมอ
  • ความรักนับเป็นเรื่องพิศดารที่สุดจริงๆ มันบางครั้งสามารถบันดาลให้คนโง่เขลา กลายเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องที่สุด แต่บางครั้งกลับสามารถบันดาลให้คนชาญฉลาด กลายเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญาได้
  • มีเรื่องบางประการ มาตรว่าท่านปฏิเสธไม่ไปขบคิด แต่พาลต้องครุ่นคิดอยู่ทุกเวลา มนุษย์ไม่มีทางข่มกลั้นความรู้สึกนึกคิดของตัวเองไว้ได้ตลอดกาลนาน …นี่เองบางทีเป็นการเจ็บปวดประการหนึ่งในหลายๆประการของชีวิตคนเรา
  • ชั่วชีวิตมนุษย์…สิ่งที่บันดาลให้หดหู่ รันทด มิใช่การจำพราก…หากเป็นการอยู่ร่วม เพราะหากไม่เคยอยู่ร่วม ไหนเลยมีการจำพรากได้
  • สวยงามเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบเท่านั้น มีแต่ความจริง จึงเป็นนิรันดร์ …แต่ก็มีคนว่าเราเพียงสามารถกุมช่วงเวลาที่สวยงามเพียงชั่ววูบไว้ได้ก็พอแก่ใจแล้ว ความจริงที่เป็นนิจนิรันดร์ทิ้งให้เป็นนิจนิรันดร์ต่อไป เราไม่แยแสสนใจเลย
  • ความรักแท้จริงแล้วเป็นอารมณ์ความรู้สึกระดับพื้นฐานชนิดหนึ่งของมนุษยชาติ ทั้งเป็นชนิดที่เก่าแก่ที่สุดด้วย..หากปราศจากความรัก ก็จะไม่มีมนุษยชาติ
  • ความรักเป็นสิ่งงดงาม งดงามประหนึ่งดอกกุหลาบ แต่ทว่ามันมีหนาม… กุหลาบที่ไร้หนามในโลกนี้มีเพียงสิ่งเดียวคือมิตรภาพ
  • เมื่อคิดเสพสุขอันหวานชื่นของความรัก ก็ต้องเตรียมใจสำหรับกล้ำกลืน ความกลัดกลุ้มและปวดร้าวจากความรักด้วย
  • คนเรามีแต่ตอนคิดใคร่จะได้ที่สุด จึงหวาดกลัวจะสูญเสียเป็นที่สุด ความรู้สึกที่ บัดเดี๋ยวดีบัดเดี๋ยวร้ายเยี่ยงนี้ ก็เป็นจุดอ่อนหนึ่งในจำนวนมากหลายของมนุษย์เรา ที่น่าเศร้าคือท่านยิ่งรุ่มร้อนปรารถนาจะได้ความหวังจะสูญเสียก็ยิ่งมากมาย
  • ในโลกความจริง มีเรื่องอับจนปัญญาอยู่มากหลาย มิว่าผู้ใดต่างมิอาจเหนี่ยวรั้ง ขัดขืนได้…เยี่ยงนี้แม้เจ็บปวดรันทด แต่หากยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องคิดหาวิธีมาสลัดความ ความเจ็บปวดรันทดของตัวเองออกไปให้ได้
  • โชคและเคราะห์ ความจริงพิสดารยิ่ง หากท่านพบพานเรื่องเคราะห์ร้าย อย่าได้ตัดพ้อ ตำหนิ อย่าได้ท้อแท้ แม้นับว่าท่านถูกเคราะห์จู่โจมจนล้มลงก็หาเป็นไร ไม่ ขอเพียงยังมีชีวิต ท่านก็ต้องยังมีเวลาทรงกายขึ้นยืนได้
  • รอยขาดของเสื้อผ้าเย็บปะได้ แต่บาดแผลในหัวใจมิว่าผู้ใดก็ไม่อาจเย็บสมาน
  • มนุษย์มีชีวิตอยู่ด้วยการเปลี่ยนแปลง มนุษย์พ่ายแพ้ต่อชะตากรรมที่ตนเองเลือกเสมอ
  • บนเรือนร่างของทุกคน ต่างก็มีเชือกเส้นที่มองไม่เห็นอยู่เส้นหนึ่ง ในชั่วชีวิตส่วนใหญ่ของผู้คนต้องถูกพันธนาการด้วยเชือกที่มองไม่เห็นเส้นนี้
  • ถึงแม้บาดแผลบนร่างกายของคนเรา อาจมีได้ นับร้อยนับพันแห่ง…
    แต่รอยแผลในหัวใจ กลับมีอยู่เพียงรอยเดียว และที่ตรงนั้นเอง…
    ที่เขารู้สึกว่าเปราะบางที่สุด ถูกทำร้ายได้ง่ายที่สุด
    แม้ว่าปากแผลจะปิดไปแล้วก็ตาม
    แต่เมื่อไรที่มีอะไรมาสะกิดทำให้เราหวนคิดกลับไป…อาการก็จะกำเริบเจ็บปวดขึ้นมาอีก และนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้เขากลัวเสียงดนตรีอย่างที่สุด
  • ในชั่วชีวิตของคนเรา ความจริงมีเรื่องราวที่ มิว่าผู้ใดก็ต้องอับจนปัญญา นับเป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชั่วชีวิต…
    เป็นความเจ็บปวดสุดซึ้งที่สุด ของชั่วชีวิต พบพานกับเรื่องเช่นนี้…
    ท่านไม่มีปัญญากระเสือกกระสนดิ้นรน ไม่มีปัญญาต่อสู้ขัดขืนไม่มีปัญญาปฏิเสธตัดรอนเลย
    แม้นับว่าท่านยินยอมให้ร่างกาย เป็นผุยผงตกอเวจีไปชั่วกัปกัลปยังคงไม่อาจเหนี่ยวรั้งที่ท่านสูญเสียให้กลับมาได้
    อาจบางทีท่าน…
    ความจริงมิเคยได้มันมาเลยตลอดกาลนาน

คำกล่าวจากบทคำสอนของขงจื๊อ

คำกล่าวจากบทคำสอนของขงจื๊อ(หนังสือ คำสอนของขงจื๊อ แปลโดย โกมุที ปวัตนา จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์สมิต)

บทที่ 4 ผู้เมตตา

บทที่ 5

บทที่ 7 การส่งผ่านความรู้

บทที่ 11 ผู้ริเริ่ม

บทที่ 16

  1. ยามที่มอง ให้ที่ถึงการเห็นได้ชัด
  2. ยามที่ฟัง ให้นึกถึงสิ่งที่ได้ยินให้ชัด
  3. ยามแสดงอารมณ์ ต้องให้ดูฉันท์มิตร
  4. ยามแสดงตัว ให้นึกถึงการมีมารยาทอันงาม
  5. ยามที่พูด ให้นึกถึงความสัตย์
  6. ยามทำงาน ให้นึกถึงการทำดีที่สุด
  7. ยามสงสัย ให้นึกถึงการถาม
  8. ยามโกรธ ให้นึกถึงผลที่จะตามมา
  9. ยามได้ผลประโยชน์ ให้นึกถึงความสมควร

บทที่ 17

คำจากแหล่งอื่น

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

คำคมที่มีแหล่งที่มา

  • E = mc²
  • กลศาสตร์ควอนตัมนั้นน่าอัศจรรย์ แต่เสียงในหัวใจของฉันบอกว่ามันยังไม่ใช่ความจริง. ทฤษฎีบอกอะไรได้มากมาย แต่มันยังไม่พาเราเข้าใกล้ความลับของพระเจ้า ฉันคิดว่า พระเจ้าไม่ได้ทอยลูกเต๋าหรอก
    • จดหมายถึง Max Born เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ.1926
  • 1 ชั่วโมงที่ชายหนุ่มนั่งเคียงหญิงสาวผ่านไปไวราวกับ 1 นาที แต่ 1 นาทีที่เขานั่งบนเตาที่ร้อน ผ่านไปราวกับ 1 ชั่วโมง. นี่คือสัมพัทธภาพ
    • คำคมจาก Steve Mirsky Scientific American (September 2002). Vol. 287, Iss. 3; pg. 102.

คำคมที่เป็นที่รู้จัก

  • จินตนาการสำคัญกว่าความรู้.
  • การเมืองนั้นแสนสั้น แต่สมการคงอยู่ชั่วนิรันดร์.
  • อย่าเป็นคนที่มุ่งหวังเพียงความสำเร็จ แต่จงมุ่งหวังความเป็นมนุษย์ที่มีคุณค่า.
  • มีเพียงชีวิตเพื่อผู้อื่นเท่านั้น ที่มีคุณค่าแก่การมีชีวิต.
  • ไม่สามารถรักษาสันติได้ด้วยกำลัง หากแต่ด้วยความเข้าใจ.
  • ความประสบความสำเร็จในชีวิตเท่ากับ A ดังนั้น A = x + y + z เมื่อ x เท่ากับงาน y เท่ากับเที่ยวเล่น และ z เท่ากับ หุบปากสนิท
  • ข้าพเจ้าไม่อาจทราบได้ว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 ใช้อะไรสู้กัน แต่สงครามโลกครั้งที่ 4 จะต่อสู้กันด้วยท่อนไม้และก้อนหิน
  • สิ่งสำคัญอย่างยิ่งก็คือ อย่าได้หยุดตั้งคำถาม ความกระหายใฝ่เรียนรู้นั้นมีเหตุผลในตัวมันเองที่จะต้องดำรงอยู่ ช่วยไม่ได้เลยที่เราจะรู้สึกครั่นคร้ามเมื่อได้ครุ่นคิดถึงความลึกลับแห่งนิจนิรันดร์ชีวิต และลักษณะอันน่าพิศวงของสัจจะ แค่เพียงได้คิดคำนึงถึงความลึกลับเหล่านี้วันละนิดก็เพียงพอแล้ว จงอย่าได้สูญเสียความกระหายใฝ่รู้อันศักดิ์สิทธิ์นี้

การปกครองอัจฉริยะด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ (ยืมจากเว็บพี่ไท)

genius_embedded

จะเห็นว่าผู้บังคับบัญชาของอัจฉริยะ และผู้ใต้บังคับบัญชาของอัจฉริยะนั้น ควรเป็นผู้ที่มีปัญญาเชิงอารมณ์ หรือ EQ สูงกว่าคนทั่วไป ซึ่งมันเป็นเรื่องจำเป็นมาก เพราะอะไร?

เพราะอัจฉริยะก็คืออัจฉริยะไงครับ คนเหล่านี้ต้องมีผู้บังคับบัญชาที่อ่านใจเขาออก, รู้ซึ้งถึงอารมณ์ของพวกเขาได้, เข้าอกเข้าใจพวกเขา, เชื่อมั่นในพวกเขา, พร้อมให้อภัย และรู้ว่าจะใช้อัจฉริยะเหล่านี้ในสภาวะต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ยังไง

ในขณะที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเหล่าอัจฉริยะ ก็ต้องมีปัญญาเชิงอารมณ์สูงเช่นกัน เพราะต้องถ่ายทอดความคิดอ่านของอัจฉริยะ ให้คนระดับปฏิบัติการซึ่งเป็นทีมงาน เพื่อนำไปประพฤติปฏิบัติได้อย่างถูกต้องต่อไป

คนที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของอัจฉริยะ จึงจำเป็นต้องใจเย็น, อดทน, ใจกว้าง, ไม่ก้าวร้าว, มีทักษะการถ่ายทอดเรื่องราว, สามารถเข้าใจเรื่องยาก ๆ แล้วอธิบายเรื่องยาก ๆ ให้เป็นเรื่องง่าย ๆ ได้ และที่สำคัญที่สุด ต้องเชื่อมั่นในความคิดของอัจฉริยะอย่างบริสุทธิ์ใจ ภายหลังจากสิ่งที่อัจฉริยะบอกมานั้น ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง

เพราะอย่างที่เรารู้กันว่า อัจฉริยะนั้นมีปัญหาในเรื่องของการถ่ายทอด ซึ่งถ้าเราเอาคนที่มีปัญญาเชิงอารมณ์ธรรมดาไปรับคำสั่งจากอัจฉริยะ สงสัยคงได้ทะเลาะกันตายแน่ เพราะทนไม่ไหว กับการที่ไม่เข้าใจสิ่งที่อัจฉริยะถ่ายทอดมาให้เลย

จะเห็นว่าจุดสำคัญในการปกครองให้อัจฉริยะ ทำงานให้กับองค์กรให้เกิดผลเลิศนั้น จึงอยู่ที่การนำนักพัฒนาซอฟต์แวร์, นักวิเคราะห์ระบบ หรือวิศวกรคอมพิวเตอร์ ที่มีปัญญาเชิงอารมณ์สูงกว่าคนทั่วไป จริง ๆ ควรจะสูงกว่าคนทั่วไปเป็นพิเศษ ไปประกบข้างบนและข้างล่างของอัจฉริยะทางด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ นั่นเอง

อัจฉริยะเป็นมนุษย์ครับ ดังนั้นกรุณาปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความสุภาพ ถึงแม้เขาจะคิดอะไรไม่เหมือนคนส่วนใหญ่อย่างพวกเราก็ตาม

เราจะทำงานร่วมกับอัจฉริยะทางด้านพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างไรดี?

ขอยืมมาเอาไว้อ่านจากเว็บ พี่ไท้

สำหรับคนธรรมดาสามัญอย่างเรา ที่เป็นได้อย่างมากก็แค่คนธรรมดา, คนฉลาด และคนฉลาดมาก คงไม่สามารถรู้ซึ้งได้หรอกครับว่าความเป็นอัจฉริยะนั้น เป็นยังไง?

ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะผมก็แค่เขมือบความรู้ของคนอื่นไปวัน ๆ ไม่เคยคิดอะไรเองซักที ก็เลยไม่มีประสบการณ์ตรงโดยตนเอง ว่าการเป็นอัจฉริยะนั้น จะทำให้ผมรู้สึกนึกคิดเช่นไร

ในทางการแพทย์มองว่าการเป็นอัจฉริยะนั้น จะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นนะครับ โดยทางการแพทย์ตั้งสมมติฐานเอาไว้ว่า ผู้ที่เป็นอัจฉริยะนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นโรค Asperger Syndrome (อ่านว่า แอส-เพอร์-เกอร์-ซิน-โดรม) ร่วมด้วย!!!

ถ้าใครไม่กดตามลิงค์เข้าไปดู ผมก็จะอธิบายให้อย่างย่อก็ได้ว่า ลักษณะเด่นของโรคนี้นั้นก็คือ ผู้ที่เป็นจะปลีกวิเวก, สันโดษ, ไม่ค่อยสื่อสารอะไรกับใคร เพราะคุยกับใครไม่ค่อยรู้เรื่อง, มีพรสวรรค์โดดเด่น แต่ถ่ายทอดไม่ดีนัก เป็นต้น

ลักษณะจะคล้าย ๆ กับโรค Autistic (อ่านว่า ออ-ทิส-ติค) อ่ะครับ อย่าไปสับสน

พอดีว่าบล็อกนี้โม้แต่เรื่องซอฟต์แวร์อย่างเดียวครับ ไม่ได้โม้เรื่องทางการแพทย์ ดังนั้นหยุดไว้แค่นี้แล้วกัน

อย่างที่เรารู้กันครับว่า บุคคลซึ่งเป็นอัจฉริยะนั้น มีกระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก และกระจัดกระจายอยู่ในทุกสาขาวิชา ขึ้นอยู่กับว่าจะถูกส่งเสริม หรือถูกปล่อยปละละเลยแค่ไหน

โดยส่วนตัวแล้ว ตลอดชีวิตของผมนั้น ได้เคยพบกับอัจฉริยะทางด้านพัฒนาซอฟต์แวร์มาแล้วถึง 2 คน อัจฉริยะนี่ไม่ได้หมายถึงแค่ท่องจำเก่ง หรือแก้โจทย์ได้เก่งหรอกนะครับ แต่เขาอยู่ในระดับสร้างทฤษฎีทางคอมพิวเตอร์ใหม่ได้เลย!!!

เสียดายว่าทั้ง 2 คน ไม่สามารถควบคุมความเป็นอัจฉริยะของตนเองไว้ได้ครับ เนื่องจากสังคมและสิ่งแวดล้อมไม่ยอมรับแนวความคิดของพวกเขา

ล่าสุดที่ผมทราบ ทั้งสองคนกลายเป็นโรคจิตไปทั้งคู่ แย่จัง!!!

โดยสรุปแล้ว ผมยังไม่เคยทำงานร่วมกับอัจฉริยะทางด้านพัฒนาซอฟต์แวร์เลยครับ และผมเชื่องี้นะ เชื่อว่า ถ้าเขามาเป็นผู้ร่วมงานของผม หรือเป็นผู้บังคับบัญชา หรือเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ผมก็คงต้องสร้างกุศโลบายในหลายแบบเลยล่ะ เพื่อทำงานกับพวกเขา

ก็อัจฉริยะน่ะ มันคนธรรมดาที่ไหนกันเล่า!!!

สามเหลี่ยมแห่งทักษะ

ยืมมาไว้อ่านจากเว็บ พี่ไท้

เนื่องจากมาพักหลังนี้ผมเขียนซอฟต์แวร์น้อยลงครับ และต้องใช้เวลาในการจัดกำลังพล, ติดต่อประสานงาน และทำแผนงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ จึงจำเป็นอย่างยิ่งครับ ที่ผมจะต้องมานั่งศึกษาดูว่า อะไรกันหนอ เป็นกุญแจหลักที่จะทำให้ซอฟต์แวร์ที่เราจะสร้างขึ้น ประสบผลสำเร็จให้ได้มากที่สุด

แล้วผมก็ได้คำตอบครับ สิ่งนั้นก็คือคน หรือก็คือบุคลากรในโครงการเดียวกับเรานั่นเอง

ผมได้ใช้ประสบการณ์จากการทำงาน มาแบ่งคนที่ต้องทำงานร่วมกับผมครับ เพื่อผมจะได้เข้าอกเข้าใจพวกเขาเหล่านั้น รวมถึงรู้ว่าจะทำงานกับพวกเขายังไง และจะใช้พวกเขาให้ทำงานให้ผมยังไงได้บ้าง

ในแวดวงคนสร้างซอฟต์แวร์นั้น ถ้าเราจะแบ่งทักษะก็คงได้หลายร้อยข้อ ผมจึงแบ่งทักษะของคนเหล่านั้นออกมาเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ตามภาพด้านล่างครับ

สามเหลี่ยมแห่งทักษะ

ภาพข้างบนนี้ผมเรียกว่าเป็น “สามเหลี่ยมแห่งทักษะ” ครับ โดยแบ่งทักษะออกเป็น

จะเห็นว่าเรามีสามเหลี่ยม อันหมายถึงทักษะสามด้าน นั่นก็หมายความว่า เราสามารถแบ่งคนที่มีทักษะร่วมทั้งสามด้านที่ว่านี้ได้เป็น 8 ประเภท ดังรูปข้างล่าง

สามเหลี่ยมแห่งทักษะร่วม

ประเภทของคนที่ทักษะทั้ง 8 แบบสามารถอธิบายได้ดังนี้ครับ

แล้วคุณล่ะ เป็นคนแบบไหนในสามหลี่ยมแห่งทักษะนี้?

เทคนิค 8 ประการที่ช่วยให้การจัดทำงบประมาณมีประสิทธิภาพสูงสุด

By Jeff Wuorio

หัวใจสำคัญก็คือการรักษาความยืดหยุ่นและการเฝ้าระวังเงินสดหมุนเวียน

ที่จริงแล้วการจัดทำงบประมาณสำหรับธุรกิจของคุณก็คือการเตรียมข้อกำหนดสำหรับอุปนิสัยในการใช้จ่ายและการเก็บออมของคุณเท่านั้นเอง เนื้อหาในช่วงต่อไปเราจะพูดถึงปัญหาพื้นฐานที่เกิดขึ้นกับการจัดทำงบประมาณส่วนใหญ่ รวมทั้งวิธีการบางอย่างที่ช่วยให้คุณสามารถดำเนินงานภายใต้กรอบงบประมาณของคุณเอง รวมทั้งใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย

1.ใช้เวลาในการศึกษา
การใช้ชีวิตกับการจัดทำงบประมาณถือเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง คุณต้องศึกษาว่าจะตัดค่าใช้จ่ายตรงจุดไหน เช็คที่คุณออกไปถึงเวลากำหนดจ่ายเมื่อไหร่ หรือต้องสำรองเงินสดเผื่อเอาไว้มากน้อยเพียงใด การจัดการกับเรื่องต่างๆเหล่านี้อย่างเชี่ยวชาญเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แต่คุณสามารถเรียนรู้วิธีการปรับแต่งงบประมาณไปเรื่อยๆ จากนั้นสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยป็นการเดาเพียงอย่างเดียวก็จะเริ่มกลายเป็นการคาดการณ์ที่แม่นยำมากขึ้นและกลายเป็นแนวทางที่มีประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิม

2.เตรียมตัวรับมือกับการวางงบประมาณที่ผิดพลาด
เรื่องนี้สมควรเป็นกฎข้อแรกของการจัดทำงบประมาณ นั่นก็คือการวางงบประมาณก็คือการคาดเดาให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุดเท่านั้นเอง ตัวอย่างเช่นถ้าหากคุณวางงบโทรศัพท์ทางไกลเป็นจำนวนเท่ากันทุกเดือน แต่ทว่าใบเสร็จค่าโทรศัพท์กลับสูงกว่าที่คุณตั้งงบเอาไว้ร้อยละ 20 ติดต่อกันอย่างน้อยสามเดือน คุณจำเป็นต้องปรับงบค่าโทรศัพท์เพิ่มขึ้นอย่างร้อยละ 20 ถ้าหากค่าโทรศัพท์โดยเฉลี่ยต่ำกว่าที่คุณตั้งเป้าเอาไว้ คุณก็ควรจะลดงบค่าโทรศัพท์ลงตามไปด้วย ถ้าหากต้องการให้การจัดงบเป็นไปอย่างราบรื่น คุณควรที่จะโยกงบจากส่วนต่างๆไปมาตามความเหมาะสม

3.ทำงานอย่างยืดหยุ่น
เมื่อพูดถึงการวางงบประมาณสำหรับธุรกิจขนาดเล็กแล้ว การปฏิบัติตามงบที่วางเอาไว้ให้ได้มักขึ้นอยู่ว่าคุณพร้อมที่จะยืดหยุ่นมากน้อยเพียงใด ตัวอย่างเช่นถ้าหากรายได้ของคุณต่ำกว่าที่คาดเอาไว้ วิธีการที่เหมาะสมก็คือการตัดค่าใช้จ่ายเพื่อนำเอาเงินมาชดเชยรายได้ที่ขาดหายไป แต่ถ้าหากคุณทำรายได้สูงกว่าที่คาดเอาไว้ นั่นหมายถึงอาจได้เวลาที่คุณควรลงทุนซื้ออุปกรณ์ที่ดีกว่าเดิมได้แล้ว

4.เฝ้าระวังเงินสดหมุนเวียน
ถ้าหากคุณต้องการใช้จ่ายตามงบที่วางเอาไว้ให้ได้ คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเงินสดที่เข้าบริษัทมีมากพอที่จะชดเชยเงินสดที่จ่ายออกไปหรือไม่ คุณต้องคอยเฝ้าดูรายรับอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นใจว่าคุณมีเงินสดมากพอที่จะชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากบริษัทของคุณมักจะจ่ายเงินล่าช้าเป็นประจำ

5.ทำงบอนุรักษ์นิยม
เมื่อคุณตั้งงบประมาณ คุณควรกำหนดตัวเลขค่าใช้จ่ายให้สูงเกินจริง และตั้งรายได้ให้ต่ำกว่าความเป็นจริง นอกจากนั้นแนวทางนี้ยังถือเป็นนโยบายที่ดีที่จะช่วยสร้างความมั่นใจว่าเงินสดหมุนเวียนของคุณจะเพียงพออยู่เสมอ คุณควรหามาตรการประหยัดงบโดยใช้วิธีต่างๆ อาทิเช่นการกำหนดแผนการโทรศัพท์ การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่มีราคาถูก และวิธีการอื่นๆที่จะช่วยแบ่งเบาภาระที่ส่งผลกระทบต่อรายรับของคุณ

6.อดออมให้เป็นนิสัย
ความไม่แน่นอนของการจัดทำงบประมาณ (ทั้งในแง่ของรายได้และค่าใช้จ่าย) ถือเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดในการเอาตัวรอดและประสบความสำเร็จของธุรกิจขนาดเล็กทุกราย แม้ว่าการตัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุดอาจเป็นความคิดที่ดีก็ตาม แต่คุณก็ควรหาทางเก็บรายได้ส่วนหนึ่งเอาไว้เสมอ ถ้าหากเป็นไปได้ คุณควรหักเงินส่วนหนึ่งจากรายรับทุกรายการแล้วนำไปฝากบัญชีธนาคารเอาไว้ เงินก้อนนี้ไม่เพียงแต่มีประโยชน์ต่อค่าใช้จ่ายที่แน่นอนอย่างการเสียภาษีเท่านั้น แต่เงินก้อนนี้ยังอาจเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้บริษัทของคุณอยู่รอดต่อไปได้ เมื่อมีค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดหมายเกิดขึ้น แต่ในทางตรงข้ามถ้าหากคุณคิดที่จะเริ่มธุรกิจในอนาคต จงเริ่มอดออมได้แล้ว เงินที่คุณเก็บสำรองเอาไว้นี้อาจจะช่วยคุณได้ในแบบที่คุณคาดไม่ถึงมาก่อนก็เป็นได้

7.ตรวจสอบงบประมาณทุกเดือน
นี่เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญอย่างมาก คุณต้องตรวจสอบงบประมาณเป็นประจำทุกเดือน รวมทั้งตรวจสอบเงินสดหมุนเวียน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าคุณมีเงินทุนเหลือมากพอที่จะรับมือกับค่าใช้จ่ายได้หรือไม่ ถ้าหากคุณปฏิบัติตามเทคนิคข้อที่ 2 และปรับแต่งงบประมาณอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว คุณน่าจะมีเงินทุนฉุกเฉินเพื่อรับมือกับค่าใช้จ่ายรายเดือนอยู่แล้ว คุณควรนำเงินก้อนนี้มาใช้เมื่อมีค่าใช้จ่ายบางรายการสูงกว่าที่คุณคาดเอาไว้ และเมื่อคุณมีรายได้เข้ามาอย่างไม่คาดหมาย คุณก็ต้องกันรายได้ที่เกินมาเก็บเอาไว้ด้วย

8.ใช้งบประมาณเป็นเครื่องมือยับยั้งชั่งใจ ไม่ใช่ตัวสร้างอุปสรรค
การตั้งงบประมาณขึ้นมาแล้วหาทางปฏิบัติตามงบที่วางเอาไว้ให้ได้ จัดเป็นการสร้างวินัยทางการเงินที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่คุณไม่ควรกังวลมากเกินไป ถ้าหากคุณจะใช้จ่ายเกินงบที่วางเอาไว้ในบางครั้งเพื่อแลกกับบางอย่างที่คุ้มค่ามากกว่า เนื่องจากโดยปกติคุณไม่สามารถวางงบประมาณสำหรับการจัดสัมมนาแบบฉุกเฉินหรือการเดินทางไปยังนิทรรศการบางแห่งที่ช่วยให้คุณมีโอกาสพบกับลูกค้าชั้นดีได้ ถ้าหากคุณเข้มงวดกับตัวเลขงบประมาณมากเกินไป คุณอาจจะหมดโอกาสใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นก็ได้ ถ้าหากคุณยอมเสียเวลาจัดทำงบประมาณขึ้นมา คุณควรปฏิบัติตามงบที่วางเอาไว้ เพราะถ้าหากคุณไม่ได้ทำตามนั้น คุณจะพลาดโอกาสได้รับผลดีต่างๆอย่างที่คุณวางแผนเอาไว้

คุณสมบัติ 7 ประการของผู้เป็นเจ้าของธุรกิจ

คุณมีลักษณะบุคลิกภาพที่เหมาะกับการดำเนินธุรกิจของตนเองอย่างประสบความสำเร็จหรือไม่
การเริ่มต้นทำธุรกิจต้องอาศัยไฟปรารถนาในการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จภายในตัวคุณ ซึ่งไม่มีในทุกคน

คุณจะทราบได้อย่างไรว่าคุณมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจของคุณเองๆ ได้ เราไม่มีทางทราบได้อย่างแน่นอน แต่ผมสังเกตว่าผู้ที่พร้อมที่จะเริ่มต้นธุรกิจของตนเองมักจะมีบางสิ่งที่เหมือนกันทั้งในพื้นฐานด้านอารมณ์ความคิดและด้านครอบครัว

คุณไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติครบทั้ง 7 ประการในการเป็นผู้เป็นเจ้าของธุรกิจที่ดีได้ แต่ถ้ามีครบก็ไม่เสียหายอะไร โดยทั่วไป ยิ่งคุณมีคุณลักษณะที่ตรงกับคุณสมบัติเหล่านี้มากเท่าใด คุณก็จะยิ่งใกล้ที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจเองมากขึ้นเท่านั้น

1.
คุณเป็นบุคคลจำพวกที่ไม่สามารถทำงานให้ผู้อื่นได้ ผมไม่ได้หมายถึงในแง่ลบ ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าของธุรกิจเองมักจะมีพ่อแม่ที่มีกิจการงานเป็นของตนเอง การหางานทำตามบริษัทง่ายกว่าการเริ่มต้นธุรกิจของตนอง คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจเองมักจะมีตัวอย่างโดยตรงจากพ่อแม่ของตน

2.
คุณเป็นลูกจ้างที่ไม่เอาไหน ไม่จำเป็นต้องพูดหวานกับคุณในเรื่องนี้ ผู้ที่ทำกิจการของตนเองมักจะถูกไล่ออกหรือลาออกจากงานมากกว่าหนึ่งครั้ง ผมไม่ได้หมายถึงกรณีที่คุณถูกปลดออกเพราะไม่มีงานให้ทำหรือถูกย้ายไปในตำแหน่งที่ให้เงินเดือนสูงกว่า แต่ผมหมายถึงว่า คุณถูกแจ้งให้ออกจากงานหรือคุณชิงลาออกก่อนที่จะถูกไล่ออก เปรียบเสมือนหนึ่งว่าตลาดแรงงานได้แจ้งให้คุณทราบว่าผู้ที่สามารถกระตุ้นให้แรงบันดาลใจและสามารถจัดการคุณได้ก็คือตัวคุณเองเท่านั้น

3.
คุณเห็นว่า “ความมั่นคงทางการงาน” มีความหมายหลายประการ ผมมีความรู้สึกอิจฉาคนที่ผมรู้จักที่ทำงานให้กับนายจ้างคนเดียวนานถึง 25 หรือ 30 ปี รู้สึกมีความมั่นคงอย่างเหลือเชื่อ แต่จะมีคนที่คุณรู้จักจำนวนสักเท่าใดที่สามารถอยู่บริษัทเดียวได้นานขนาดนั้น ในโลกของเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ความมั่นคงทางการงานก็หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

4.
คุณไปได้ไกลจนถึงที่สุดแล้ว แล้วก็ไม่สามารถไปได้ไกลกว่านั้นได้อีก บางครั้งแรงกระตุ้นในการเริ่มต้นธุรกิจอาจเกิดจากคุณถึงจุดสูงสุด แล้วคุณได้มองรอบๆ ก่อนพูดกับตนเองว่า “ทำอะไรต่อไปดีล่ะ” การประสบกับความสำเร็จเป็นสิ่งที่น่ายินดี แต่การเกษียณก่อนเวลาอันควรอาจทำให้คนที่มีไฟแรงเป็นบ้าได้

5.
คุณได้ทำการวิจัยตลาดมาเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่คุณจะพูดกับผมถึงแนวคิดธุรกิจอันยิ่งใหญ่ของคุณ คุณจะต้องใช้เวลาตรวจสอบว่าสินค้าหรือบริการของคุณสามารถขายได้ ผู้ที่เคยประสบกับการขาดทุนในธุรกิจอินเทอร์เน็ตสามารถยืนยันกับคุณได้ว่า คำว่า “ยอดเยี่ยม” ไม่จำเป็นต้องหมายถึง “กำไร” อย่าเสียเวลาทำกิจการใดๆ หากคุณไม่ทราบว่าทำแล้วจะมีลูกค้ามาซื้อหรือไม่

6.
คุณจะต้องได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวของคุณ การเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความเครียด การพยายามทำด้วยตัวเองโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากคู่สมรส หรือการสนับสนุนจากสมาชิกครอบครัวหรือเพื่อนที่สำคัญอาจเป็นเรื่องที่ไม่อาจทนทานได้

7.
คุณทราบดีว่า คุณไม่สามารถทำงานด้วยตัวคนเดียวได้ คุณอาจเก่งในเรื่องการส่งเสริมการขาย หรืออาจชอบที่จะดูแลเรื่องระบบการเงินของบริษัท คุณอาจเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองเพราะคุณมีความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ หรือมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าเพื่อจำหน่าย

จากที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดอาจเป็นไปได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะเก่งในทุกเรื่องที่กล่าวมา หรือทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ ลืมเรื่องการทำงานอย่าง “โดดเดี่ยว” เสีย เพราะไม่ว่าคุณจะมีปรัชญาการทำงานคนเดียวอย่างไร บางครั้งคุณก็ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นเช่นกัน

การยินดีที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น เช่น จากพนักงาน คู่ค้า หรือที่ปรึกษาสำหรับเรื่องที่คุณไม่ถนัด ย่อมเป็นการแสดงถึงความสำเร็จในอนาคตได้ Ernesto Sirolli เขียนไว้ใน “Ripples From the Zambezi” ว่า “ไม่เคยมีผู้เป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญมากที่สุดในเรื่องการใช้ความรู้ความสามารถของผู้อื่นย่อมมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้มากที่สุด”

วิธีการเขียนแผนธุรกิจ โดย C.E. Yandle

คุณต้องการเริ่มต้นธุรกิจของคุณเองใช่หรือไม่ ดีครับ แล้วคุณมีแผนธุรกิจหรือยัง หากยังไม่มี ธุรกิจของคุณเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น

ธนาคารและสถาบันสินเชื่อจะพิจารณาแผนธุรกิจของคุณอย่างละเอียดเพื่อตัดสินใจว่าจะให้คุณกู้เงินหรือไม่ แผนธุรกิจจะประกอบด้วยหลักเกณฑ์ที่คุณและพนักงานของคุณใช้ในการทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังเป็นเครื่องช่วยคุณในการตัดสินใจว่าอะไรควรดำเนินการก่อน หรือหลัง หรือไม่ต้องดำเนินการใดๆ เลย

หากบริษัทของคุณมีขนาดเล็กและดำเนินการที่บ้าน คำแนะนำต่อไปนี้บางเรื่องอาจเป็นสิ่งไม่จำเป็น อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยที่สุด คุณควรมีแผนธุรกิจที่กำหนดเป้าหมายไว้ ประมาณการค่าใช้จ่าย แผนการตลาด และแผนการเลิกกิจการ แผนธุรกิจจะแสดงวิธีการสู่ความสำเร็จและแจกแจงรายละเอียดมาตรฐานต่างๆ สำหรับใช้วัดความสำเร็จดังกล่าว

ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำง่ายๆ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์พื้นฐานของการจัดทำแผนธุรกิจที่ดี:

• บทสรุปเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในข้อมูลสรุป (Executive Summary)

ข้อมูลสรุป (Executive Summary) จะกล่าวถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจของคุณ เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับธนาคารและสถาบันสินเชื่อ คุณจะต้องโน้มน้าวเจ้าหน้าที่สินเชื่อให้รู้สึกมั่นใจว่าแผนธุรกิจที่คุณเสนอสามารถดำเนินการได้จริงภายใน 2-3 หน้าแรกของข้อมูลสรุป

ข้อมูลสรุปนี้ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อให้พนักงานและลูกค้าได้เข้าใจถึงแนวความคิดและธุรกิจของคุณก่อนที่เขาเหล่านั้นจะให้การสนับสนุนธุรกิจของคุณ

• การชี้แจงว่าบริษัทคุณก่อตั้งขึ้นได้อย่างไร

อธิบายการกำเนิดของบริษัท รวมทั้งเรื่องที่คุณหรือเพื่อนร่วมธุรกิจได้แนวความมาจากที่ใด

• เป้าหมายบริษัท

อธิบายสั้นๆ ประมาณ 2-3 ย่อหน้าถึงเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวของบริษัท อัตราการเจริญเติบโตที่คาดหวัง กลุ่มลูกค้าหลักของคุณคือใคร

• ประวัติของทีมผู้บริหาร

ในหัวข้อผู้บริหารให้ระบุชื่อและภูมิหลังของสมาชิกทีมผู้บริหาร รวมทั้งความรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่ของแต่ละคนด้วย

• สินค้าหรือบริการที่คุณวางแผนที่จะเสนอลูกค้า

ส่วนที่สำคัญที่สุดของบทสรุปคือการแสดงให้เห็นว่าสินค้าหรือบริการของคุณแตกต่างจากของผู้อื่นที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างไร

• ศักยภาพของตลาดสำหรับสินค้าหรือบริการของคุณ

โปรดระลึกไว้ว่า คุณต้องสร้างความมั่นใจให้กับผู้ให้สินเชื่อและพนักงานของคุณ รวมทั้งคนอื่นๆ ให้มีความรู้สึกว่าคุณมีตลาดเป้าหมายขนาดใหญ่และขยายตัวอยู่เสมอ คุณต้องทำการวิจัยมาบ้างก่อนที่จะเขียนหัวข้อนี้ของแผนธุรกิจ ในกรณีที่เป็นธุรกิจระดับท้องถิ่น ให้ตรวจสอบอุปสงค์ในสินค้าหรือบริการของพื้นที่รอบรัศมีที่กำหนด นำข้อมูลที่ได้เปรียบเทียบกับข้อมูลของพื้นที่ที่ไกลออกไปอีกจากจุดที่ตั้งธุรกิจของคุณ หากเป็นธุรกิจที่ดำเนินการในเว็บหรือเป็นธุรกิจที่ดำเนินการทั้งในเว็บและในตลาดท้องถิ่น ให้ประเมินอุปสงค์ของระดับท้องถิ่นและ/หรือระดับประเทศ สำหรับรายงานจากบริษัทวิจัยระดับมืออาชีพอาจมีราคาแพง คุณสามารถค้นหาข้อมูลพื้นฐานได้จากเว็บและจาก Search engines และดัชนีต่างๆ

• กลยุทธ์ในการขายสินค้าหรือบริการของคุณ

คุณมีแผนอย่างไรในการประกาศให้โลกรู้ว่าคุณได้เปิดธุรกิจแล้ว คุณจะใช้วิธีการบอกเล่าแบบปากต่อปากอย่างเดียวหรือไม่ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ไม่ใช่แผนที่ดีนัก เว้นเสียแต่คุณเป็นผู้มีชื่อเสียงในวงการอยู่แล้ว คุณจะโฆษณาทางสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ เว็บ หรือทั้งสามช่องทางรวมกัน คุณจะใช้เครื่องมือทำการตลาดแบบออนไลน์ในการทำให้ชื่อบริษัทของคุณติดอยู่ใน Search engines และโฆษณาในเว็บไซต์อื่นๆ หรือไม่ และอย่าลืมที่จะกำหนดจำนวนเงินที่คุณจะใช้จ่ายในด้านการตลาดด้วย

• ประมาณการทางการเงิน 3 ถึง 5 ปี

ในหัวข้อนี้ให้ใส่ข้อสรุปของการประมาณการทางการเงินของคุณ พร้อมกับหน้ากระดาษคำนวณที่คุณใช้ทำประมาณการการเงินของคุณ แสดงงบดุลของคุณ งบรายได้ และประมาณการเงินสดหมุนเวียนของช่วงเวลาทั้งหมด หัวข้อนี้คือส่วนที่คุณจะบอกผู้ให้สินเชื่อผู้คาดหวังของคุณว่าคุณต้องการกู้เงินจำนวนเท่าใดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเริ่มธุรกิจของคุณ การคาดการณ์ของคุณในหัวข้อนี้ สามารถมีผลทำให้ธุรกิจของคุณสำเร็จหรือล้มเหลวได้ หากคุณไม่มีความชำนาญในด้านการวางแผนทางการเงินดังกล่าว ก็ควรให้มืออาชีพช่วยดำเนินการให้ซึ่งนับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

เรียนรู้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์กระดาษคำนวณ

• แผนการเลิกกิจการ

ส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของแผนธุรกิจที่ดี เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กมักจะวางแผนขายบริษัทของตนเมื่อตนต้องการเลิกกิจการ คุณอาจต้องการส่งมอบการบริหารให้คนบางคนหรือทำให้เป็นบริษัทมหาชน คุณสามารถใช้ข้อมูลตัวเลขต่างๆ ในการพิจารณาเลิกกิจการ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขทางการเงิน ความเติบโตของรายรับ การยอมรับของตลาดในแนวความคิดของคุณ หรือข้อตกลงการเลิกกิจการที่ทำกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูง ไม่ว่าคุณจะใช้หลักเกณฑ์ใด คุณต้องมีแผนในการรับกับผลตอบแทนการลงทุนที่คุณและผู้ร่วมลงทุนของคุณได้ลงไป

พัฒนาความสามารถเป็นเลิศในการค้นหาแนวคิดธุรกิจใหม่ โดย Jeff Wuorio

ทำการบ้านมาให้เรียบร้อย แล้วคุณจะลดโอกาสที่ธุรกิจขนาดเล็กของคุณจะล้มเหลวให้น้อยลงได้
การค้นคว้าวิจัยนี้เปรียบเสมือนการมอบหมายการบ้านให้กับผู้ที่กำลังจะเป็นเจ้าของธุรกิจ เพียงแต่ว่าคะแนนที่ได้ในตอนท้ายคือการหมายถึงความสำเร็จหรือความล้มเหลวของธุรกิจของคุณ

งานที่มอบหมายคือโครงการวิจัยโครงการหนึ่ง ซึ่งคุณจะต้องวิจัยถึงความเป็นไปได้ของแผนธุรกิจของคุณ ผมกำลังจะแนะนำให้คุณทราบถึงวิธีทำการวิจัยค้นคว้าให้เพียงพอก่อนที่จะเริ่มต้นธุรกิจ

นักธุรกิจจำนวนมากต่างยังคงถกเถียงกันว่า คำว่า “เพียงพอ” นั้นมีความหมายที่แท้จริงเป็นอย่างไร ผมจึงขอเสนอรายการตรวจสอบขององค์ประกอบบางส่วนสำหรับใช้วัดว่าโครงการวิจัยค้นคว้าธุรกิจนั้นมีการวิจัยอย่างเพียงพอแล้วหรือไม่

การวิจัยตลาด
ฟังดูแล้วน่าประหลาดใจ แต่มีผู้เป็นเจ้าของธุรกิจจำนวนมากที่เริ่มธุรกิจโดยไม่เข้าใจตลาดที่เขากำลังวางแผนให้บริการอยู่ สิ่งที่มีความสำคัญมากก็คือ คุณต้องทราบถึงขนาดของศักยภาพของตลาด ซึ่งมีผลให้คุณสามารถทราบประเภทการตอบรับที่ลูกค้าจะให้แก่สินค้าหรือบริการของคุณ

• ข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ การพยายามขายสินค้าโดยที่คุณไม่ทราบว่าผู้ซื้อมีเงินในกระเป๋าของเขาหรือไม่ย่อมเป็นหนทางสู่ความล้มเหลวอย่างแน่นอน คุณควรทราบข้อมูลต่างๆ ที่อยู่เบื้องหลังตลาดของคุณ ซึ่งรวมถึงระดับรายได้ ช่วงอายุ การขยายหรือการหดตัวของตลาดกลุ่มเป้าหมายของคุณ สำหรับแหล่งข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ประกอบด้วยหน่วยงานรัฐบาลหรือหน่วยงานภาษีต่างๆ และในระดับท้องถิ่น ข้อมูลรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง (เป็นข้อมูลที่ล้ำค่าหากคุณต้องการข้อมูลด้านอายุของกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดของคุณ)

• ความเห็นของลูกค้า องค์ประกอบของการวิจัยตลาดที่มีความสำคัญพอกันก็คือ การรับความรู้สึกนึกคิดส่วนตัวของลูกค้าของคุณ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าคาดหวังหรือลูกค้าเดิม ให้ถามว่าเขาเทิดทูนคุณค่าสิ่งใด อาจจะเป็นเรื่องราคาต่ำ การบริการลูกค้า หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งของสินค้าหรือบริการ หากคุณกำลังคิดจัดทำธุรกิจใหม่หรือปรับปรุงสินค้าที่มีอยู่เดิม ให้ถามลูกค้าว่าบริษัทคุณจะสามารถแก้ปัญหาที่มีอยู่ได้อย่างไรบ้าง Peter Meyer ซึ่งเป็นผู้เขียนเรื่อง “Creating and Dominating New Markets” กล่าวว่า “การวิจัยที่มีประสิทธิภาพสามารถระบุปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขได้ “ให้ทำการสัมภาษณ์ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ หากไม่ใช่ลูกค้าให้ถามว่าทำไมจึงไม่ซื้อ มีสินค้าใดบ้างที่สามารถขายพวกเขาได้ หรือมีปัญหาใดที่ต้องแก้ไขเพื่อให้ได้เป้าหมายดังกล่าว”

• คู่แข่ง องค์ประกอบที่สามของการวิจัยตลาดคือ รู้ว่าใครคือคู่แข่งของคุณ และสิ่งที่แน่นอนคือ คุณต้องแข่งกับคนอื่น อย่าทึกทักเอาว่า คุณเป็นคนเดียวในประเภทธุรกิจที่ทำอยู่ การวิจัยในสถานที่จริงจะมีประโยชน์อย่างยิ่ง สังเกตรูปแบบการซื้อของลูกค้า ดูกระแสการเคลื่อนที่ขึ้นลงทั้งในเรื่องจำนวนลูกค้าและประเภทสินค้าที่ซื้อ และหากเป็นร้านค้าปลีก ไม่ต้องอายในการเข้าไปซื้อของด้วยตัวคุณเอง ตัวเลือกการวิจัยอื่นๆ ประกอบด้วยการเข้าชมเว็บไซต์ของคู่แข่ง หรือหากบริษัทคู่แข่งเป็นบริษัทมหาชน ให้ขอเอกสารทุกชนิดเท่าที่บริษัทมหาชนต้องจัดบริการให้ ท้ายที่สุด แม้ว่าเรามักจะมองหาจุดบกพร่องของคู่แข่งอยู่เสมอ เราก็ควรมองหาข้อดีของเขาด้วย David Gumpert ซี่งเป็นผู้เขียนเรื่อง “How to Really Start Your Own Business” กล่าวว่า “ศึกษาว่าพวกเขาสามารถทำเงินได้อย่างไร อย่าดูแต่เพียงว่าพวกเขาทำอะไรพลาดบ้าง ให้ดูว่าพวกเขาสามารถอยู่ได้อย่างไรด้วย”

การตั้งราคา
องค์ประกอบรองลงมาของการวิจัยตลาดคือการทำการบ้านเรื่องจำนวนเงินที่คุณจะเก็บจากลูกค้า โดยปกติ การทราบถึงราคาท้องตลาดในขณะนั้นซึ่งทำให้ธุรกิจอยู่ได้จะเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งในกรณีเช่นนี้ การตั้งราคาค่าบริการต่างๆ ของคู่แข่ง ตลอดจนข้อมูลจากสมาคมการค้าและสมาคมวิชาชีพต่างๆ จะมีประโยชน์อย่างมาก Meyer แนะนำว่าต้องให้ความสนใจทุกองค์ประกอบที่มีส่วนในการกำหนดราคาหรือค่าบริการในขั้นสุดท้าย “การกำหนดราคาเป็นเครื่องมือทางการตลาดมากกว่าจะเป็นวิธีการรับค่าใช้จ่ายในการผลิตสินค้ากลับคืน ผู้คนจะยอมจ่ายมากขึ้นสำหรับสินค้าหรือโซลูชันที่มีคุณค่า ดังนั้น จึงควรวิจัยคุณค่าทั้งหมดของสินค้าของคุณ”

ที่ตั้ง
ใช่ คาถาที่ว่า “ที่ตั้ง ที่ตั้ง ที่ตั้ง” ยังคงความขลังอยู่ และยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นหากเป็นธุรกิจขายปลีก ให้ถามหาการวิเคราะห์เส้นทางเดินเท้าจากเจ้าของที่ของคุณ เช่นเดียวกัน การเฝ้าสังเกตการณ์ด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่ควรทำ ตรวจสอบเส้นทางเดิน ที่จอดรถ และธุรกิจข้างเคียงที่อาจมีผลในการส่งเสริมหรือขัดขวางการไหลของลูกค้าของคุณ และอย่ามองข้ามความสำคัญของที่ตั้งแม้ว่าคุณจะไม่ได้ขายเพชรพลอยหรือเสื้อผ้า เพราะที่ตั้งที่มีความสะดวกและมีชื่อเสียงก็จะมีความเหมาะสมกับบริษัทที่ปรึกษาเปิดใหม่เช่นกัน นอกจากนี้ให้ตรวจสอบข้อมูลและแนวโน้มการซื้อที่มีอยู่ของผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวด้วย

วิจัยค่าใช้จ่าย
การทราบจำนวนเงินที่ไหลออกจากธุรกิจของคุณในรูปของค่าใช้จ่ายเป็นสิ่งสำคัญในการคำนวณจำนวนเงินที่คุณต้องนำเข้ามาเพื่อให้ธุรกิจของคุณยืนอยู่ได้ คุณควรวิจัยต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยรวมทุกๆ รายการตั้งแต่เงินเดือนจนถึงค่าเช่า และอย่างน้อยในช่วงหนึ่งปีหรือสองปีแรก ให้เฉลี่ยค่าใช้จ่ายที่ได้นี้เพิ่มขึ้นครั้งละ 3 เดือน Gumpert กล่าวเสริมว่า ในการประมาณการค่าใช้จ่ายควรประมาณการให้เพิ่มมากขึ้น “สิ่งของอาจมีราคามากกว่าที่คุณคิดก็ได้ เช่นเดียวกับการใช้เวลามากกว่าที่ประมาณการไว้ในการขายลูกค้ารายแรกได้”

จุดที่เพียงพออยู่ตรงไหน
แม้ว่าการวิจัยจะต้องดำเนินการจนถึงระดับที่เพียงพอเพื่อการเติบโตและความสำเร็จของธุรกิจ แต่อาจถึงจุดๆ หนึ่งที่ความเพียงพอกลายเป็นเรื่องที่มากเกินไป อย่าทำวิจัยจนมีข้อมูลจำนวนมากถึงขนาดที่ทำให้การตัดสินใจกลายเป็นภาระเสมือนกับเข็นครกขึ้นภูเขา ลองดูว่าข้อมูลที่ได้จากการวิจัยเป็นข้อมูลที่เป็นจริงเพียงไร เช่น เมื่อรายได้คุณเข้าเป้า หรือข้อมูลการเดินเท้าของลูกค้าตรงกับที่ประมาณการไว้ แสดงว่างานวิจัยของคุณตรงตามความเป็นจริง และ Meyer ยังกล่าวว่า ให้สังเกตข้อมูลที่เกิดขึ้นซ้ำๆ “หากคุณตั้งคำถาม และได้คำตอบเหมือนกันทุกๆ ครั้ง คุณรู้แล้วว่าคุณมาถูกทาง”